Categories
น้ำปั่น

ผลไม้ยอดฮิตในรูปแบบของ มะพร้าวปั่นนมสด

เชื่อเลยว่าผลไม้อย่างมะพร้าวนั้นเป็นผลไม้โปรดของใครหลาย ๆ คนและการได้ดื่มน้ำมะพร้าวสด ๆ ก็เติมความสดชื่นได้ดีไม่น้อย แต่วันนี้เราจะมาปรับเพิ่มส่วนผสมอย่างนมสดเข้าไปทำให้มะพร้าวมีรสชาติที่ละมุนมากขึ้น ซึ่งเมนูนั้นก็คือ มะพร้าวปั่นนมสด นั่นเอง ลองมาดูกันว่าคำถามที่มักถามเราเข้ามาว่ามะพร้าวปั่นกับอะไรอร่อยแล้วเราเลือกเป็นนมสดจะกลายเป็นสูตรมะพร้าวปั่นทำขายให้กับคุณได้หรือไม่ พร้อมแล้วมาเริ่มรู้จักกับสูตรน้ำมะพร้าวปั่นสมูทตี้กันเลย

วัตถุดิบ มะพร้าวปั่นนมสด

เนื้อมะพร้าวอ่อน ตามชอบ            (แนะนำประมาณ 1 ลูก)

น้ำมะพร้าวสด   4   ออนซ์

นมสดรสจืด     1    ออนซ์

นมข้นจืด      1    ออนซ์

นมข้นหวาน   2   ออนซ์

น้ำแข็ง   1    แก้ว

วิธีทำมะพร้าวปั่นนมสด

1. แนะนำให้ใช้เป็นมะพร้าวน้ำหอมที่ทำการปอกเปลือกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ง่ายต่อการปั่นของคุณมากยิ่งขึ้น แล้วเริ่มขูดเอาเนื้อมะพร้าวอ่อนออกจากน้ำ

2. ทำการเตรียมตวงส่วนผสมของมะพร้าวและน้ำตามสูตร เมื่อครบแล้วให้เททั้งหมดใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำแข็ง นมสด นมข้นจืด และนมข้นหวานซึ่งในส่วนนี้คุณสามารถเพิ่มลดความหวานได้ตามใจชอบ

3. เริ่มทำการปั่นจนทุกส่วนผสมละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้ารู้สึกว่าน้ำน้อยไปสามารถเติมนมหรือน้ำมะพร้าวลงไปเพิ่มได้

บอกเลยว่าเมนูมะพร้าวปั่นนมสดนี้สามารถช่วยเติมความสดชื่น ให้พลังงาน คลายร้อนให้กับคุณได้เป็นอย่างดี คุณสามารถนำสูตรน้ำมะพร้าวปั่นสมูทตี้สูตรนี้ไปทำเป็นสูตรมะพร้าวปั่นทำขายกันได้ และผลไม้ชนิดนี้นั้นยังได้นิยามว่ามะพร้าวปั่นกับอะไรอร่อยอีกด้วย ดังนั้นต่อไปเราจะนำมะพร้าวไปปั่นกับอะไรอย่าลืมติดตามกัน

Categories
ขนมหวาน

เมนู เต้าส่วนข้าวโพด หอมหวานอร่อย ทำง่ายไม่ยุ่งยาก

ในบรรดาขนมหวานที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบต้องบอกเลยว่า เต้าส่วน ต้องเป็นหนึ่งในเมนูสุดโปรดของเด็ก ๆ หลายคนเป็นแน่ เป็นเมนูที่ทำง่าย ทานง่าย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่เห็นแล้วเป็นต้องอยากจะตักขึ้นมากินเพลิน ๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแชร์วิธีการทำเต้าส่วนที่ทางเรานั้นชอบ นั่นก็คือ เต้าส่วนข้าวโพด ความหวานจากข้าวโพดและน้ำเชื่อมตัดกับความหอมมันเค็มของกะทิที่ราดบนหน้ามันคือฟินมาก มาดูสูตรเต้าส่วน และวิธีทำเต้าส่วนถ้วยนี้กันเลย

ส่วนประกอบเต้าส่วนข้าวโพด

  1. ข้าวโพดหวานต้ม  3 ฝัก
  2. มะพร้าวอ่อน   2 ลูก
  3. แป้งท้าวยายม่อม  4 ช้อนโต๊ะ
  4. แป้งมันสำปะหลัง  4 ช้อนโต๊ะ
  5. กะทิ    250 กรัม
  6. น้ำตาลทราย   80 กรัม
  7. เกลือ    1 ช้อนชา
  8. ใบเตย 6 ใบ
  9. น้ำเปล่า

วิธีทำ เต้าส่วนข้าวโพด

ขั้นตอนที่ 1 นำข้าวโพดหวานที่ต้มสุกแล้ว มาฝาน แล้วจากนั้นพยายามแยกให้แต่ละเม็ดกระจายออกจากกัน และพักไว้

ขั้นตอนที่ 2 นำมะพร้าวอ่อนเฉาะแยกน้ำ และเนื้อขูดออกมา อย่าลืมชิมน้ำดูก่อนว่าเปรี้ยวหรือไม่ ถ้าเปรี้ยวไม่ควรนำมาใช้

ขั้นตอนที่ 3 ผสมแป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันสำปะหลัง ละลายลงในน้ำเปล่า จากนั้นนำแป้งที่ละลายไปกรอง กรณีที่การทำเต้าส่วน ไม่มีแป้งท้าว อาจทำให้เต้าส่วนข้นเหนียวกว่าปกติ

ขั้นตอนที่ 4 เตรียมน้ำเชื่อม โดยใส่น้ำมะพร้าว น้ำเปล่า ลงในหม้อ นำไปตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำตาลทราย และใบเตยลงไป คนจนน้ำตาลละลายจนหมด และตัดใบเตยออกเพื่อไม่ให้กลิ่นใบเตยแรงเกินไป

ขั้นตอนที่ 5 ใส่ข้าวโพดลงไปในหม้อน้ำเชื่อม และเมื่อน้ำร้อนจัดจึงค่อย ๆ ใส่แป้งที่กรองแล้วลงไป พยายามคนให้แป้งกระจายทั่วทั้งหม้อ และคนไปในทิศเดียวกัน แป้งจะได้ไม่จับตัวเป็นกัน และไม่คืนตัวง่าย

ขั้นตอนที่ 6 เมื่อคนจนแป้งสุกมองไปแล้วเห็นว่าใสจึงใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป และพอน้ำในหม้อเริ่มเดือดอีกครั้งให้ปิดไฟยกลงจากเตา

ขั้นตอนที่ 7 เตรียมกะทิราด โดยการใส่กะทิลงในหม้อนำไปตั้งไฟอ่อน ๆ เติมเกลือเล็กน้อยให้กะทิมีรสชาติเค็มเพื่อไปตัดความหวานกับเต้าส่วน และใส่ใบเตยลงไป เคี้ยวไปจนเห็นว่ามีกะทิเดือดข้างหม้อ ปิดไฟยกลงจากเตา และเตรียมตักเต้าส่วนเสิร์ฟราดหน้าด้วยกะทิ พร้อมทาน

หากใครลองไปทำตามแล้วอาจจะลองปรับส่วนของน้ำตาลลงได้ให้ได้ระดับความหวานของเต้าส่วนที่พอดี กับที่คุณชอบ และอาจไปประยุกต์ใส่สาคูเพิ่ม เผือกต้มหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสที่หลากหลายในขนมหวานถ้วยเดียวก็ย่อมได้

Categories
ขนมคลีน

อยากทานขนมคลีนต้องขนมฟักทอง

สำหรับเมนูขนมคลีนนั้นมีมากมาย แต่หนึ่งในขนมที่ดูเหมือนจะจัดอยู่ในประเภทของขนมไทยมากที่สุดคงต้องยกให้ ขนมฟักทอง นั่นเอง ไม่ว่าคุณจะเรียกว่าฟักทองหนึบหรือเค้กฟักทองนึ่งก็สามารถมาเก็บสูตรไปทำกันเองที่บ้านได้ทั้งนั้น พร้อมแล้วมาเริ่มทำขนมเอาไว้ทานเล่นแบบทั้งอร่อยและได้สุขภาพกันดีกว่า

วัตถุดิบในการทำขนมคลีนขนมฟักทอง

ฟักทองนึ่งสุก   2    ถ้วยตวง

แป้งข้าวเจ้า     1    ถ้วยตวง

แป้งมันสำปะหลัง   ¼   ถ้วยตวง

เกลือป่น     ¼  ช้อนชา

นมสดพาสเจอร์ไรส์     ¾  ถ้วยตวง

น้ำตาลทราย   1   ช้อนโต๊ะ

วิธีทำขนมคลีน ขนมฟักทอง

1. เริ่มตวงส่วนผสมทุกอย่างตามที่สูตรกำหนดเอาไว้ให้เรียบร้อยก่อน

2. จากนั้นบดฟักทองให้เป็นชิ้นเล็กลงแต่ไม่ต้องละเอียด แนะนำให้บดด้วยการใช้ส้อม

3. เทแป้งทั้ง 2 ชนิดลงจากนั้นตามด้วยเกลือและนมสดครึ่งหนึ่ง

4. นวดแป้งไปเรื่อย ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน จะใช้เวลาประมาณ 2 นาที ขั้นตอนนี้จะช่วยให้แป้งเหนียวนุ่มขึ้น

5. ต่อมาต้องละลายแป้งด้วยการเติมส่วนผสมของนมสดที่เหลือลงไปแล้วเทน้ำตาลทรายตาม

6. นำฟักทองบดมาคนให้เข้ากับแป้ง

7. นำส่วนผสมทุกอย่างที่ได้มาตักใส่พิมพ์ แล้วเริ่มนึ่งด้วยไฟแรง นึ่งจนสุกซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที

ขนมคลีนขนมฟักทองนั้นเมื่อทำตามวิธีปกติอาจไม่คลีน แต่เมื่อทำตามวิธีที่เราแนะนำนอกจากจะคลีนแล้วยังเป็นฟักทองหนึบหรือเค้กฟักทองนึ่งเช่นเคยอีกด้วย ถ้าใครไม่อยากอ้วนแต่อยากทานขนมแนะนำว่าไม่ควรพลาดเมนูนี้

Categories
หน้าแรก

ขนมสวิสและฝรั่งเศษ เมอร์แรง หวานหอม ทำง่ายน่ารับประทาน

หนึ่งในขนมสีสันสวยงาม น่ารับประทานโดยขนม เมอร์แรง นั้นมีต้นกำเนิดจากเมืองไมริงเงิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำโดยพ่อครัวชาวอิตาลีชื่อกัสปารีนี โดยเมอร์แรง คือ เมนูขนมที่มีปรากฏอยู่ในหนังสือทำอาหาร ของ Massialot ในปีคริสต์ศักราช 1692 วันนี้เรามีสูตรขนมในตำนานนี้มาฝากให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน

ส่วนประกอบในการทำ เมอร์แรง

            ส่วนประกอบที่ต้องจัดเตรียมสำหรับทำเมอร์แรง มีดังนี้

  1. น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
  2. ครีมออฟทาร์ทาร์ ¼ ช้อนชา
  3. ไข่ขาว 3 ฟอง
  4. ถ้าต้องการให้มี กลิ่นวนิลา ½ ช้อนชา จะใส่หรือไม่ก็ได้
  5. เกลือใส่หรือไม่ก็ได้

ขั้นตอนการทำขนม สูตรเมอร์แรง ทำอย่างไรตามไปดูกันเลย

            ขั้นตอนวิธีการทำเมอร์แรง สามารถทำได้ตามลำดับต่อไปนี้

  1. ให้เราวอร์มเตาอบไว้ที่ความร้อน 215 F แล้วจึงเทไข่ขาวลงไปในภาชนะ จากนั้นใช้ความเร็วต่ำที่สุดในการตีไข่ขาว
  2. ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปแล้วจึงตีด้วยความเร็วปานกลาง
  3. เติมน้ำตาลลงไปทีละน้อยๆ แล้วตีด้วยความเร็วปานกลางกระทั่งน้ำตาลหมด
  4. ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางไปจนถึงความเร็วสูง กระทั่งไข่ขาวเงาสวยงาม ตั้งยอดได้
  5. นำส่วนผสมตัดใส่ถุงสำหรับบีบ แล้วจึงบีบให้ได้ขนาด และรูปทรง ตามที่ต้องการ
  6. นำเข้าเตาอบ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นอยู่กับขนาด เมื่ออบเสร็จรอให้แห้งก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย

            ทริคก็คือหากอยากให้มีกลิ่นหรือสีสันสวยงามสามารถใส่ลงไปผสมได้ในขั้นตอนหลังตีน้ำตาล

สำหรับ สูตรเมอร์แรง  ที่เรานำมาเสนอให้คุณทำในวันนี้ถือว่าเป็นสูตรขนม ที่ทำง่ายมากๆและยังมีสูตรการทำขนมอีกมายมายให้คุณได้เลือกสรรทำ สามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์เราได้เลยนะคะ

Categories
หน้าแรก

มาทำขนมญี่ปุ่น ไดฟูกุ ที่กระแสมาแรงในไทยมากๆในปีนี้

หนึ่งในขนมจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ ไดฟูกุ หรือโมจิ ซึ่งทำมาจากข้าวญี่ปุ่นหุงสุก ขนมจะมีลักษณะของเนื้อที่เนียน หนึบ แต่ก็นุ่ม เรียกได้ว่าคนทุกเพศทุกวัยใครได้ลองรับประทานก็ชอบ โดยไดฟูกุนั้นจะมีไส้อยู่ด้านใน ที่นิยมทำหรือรับประทานกันคือ ไส้ถั่วแดงกวน ไดฟูกุไข่เค็ม ไดฟูกุช็อคโกแลต ไส้ชาเขียว ไดฟุกุ ห่อหุ้มลูกสตรอเบอร์รี่ลูกโลก ซึ่งเรียกว่า อิจิโกะไดฟูกุ ที่กำลังเป็นที่นิยมและเป็นกระเสมาแรงมากในไทยเราตอนนี้ ขนมไดฟูกุ นั้นทำยากไหมตามไปดูกันเลยค่ะ

วัตถุดิบที่ใช้สำหรับทำขนมไดฟูกุ

วัตถุดิบหลักสำหรับทำไดฟูกุประกอบด้วย

  • แป้งข้าวเหนียว 1 หรือ 1 ½  ช้อนโต๊ะ      
  • แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
  • สตอเบอร์รี่ 1 กล่อง                              
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตายทรายป่นละเอียด 5 ช้อนชา        
  • น้ำสะอาด 250 มิลลิลิตร
  • เนยสดเค็ม ½  ช้อนโต๊ะ                           
  • ถั่วแดงกระป๋อง 200 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 160 กรัม                      
  • สีผสมอาหารสีแดง

วิธีทำขนม ไดฟูกุ

  1. วิธีทำขนมไดฟูกุ เริ่มต้นจากการนำถั่วแดงไปต้มให้สุกและปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด นำมาเตรียมผัด
  2. ให้ตั้งกระทะใส่เนยลงไปผัดจนละลายแล้วจึงใส่ถั่วแดงปั่น ตามด้วยน้ำตาลทราย ผัดกระทั่งเดือดปุดๆ ใช้ไฟระดับกลางผัดต่อไม่ให้ติดกระทะ เมื่อแห้งแล้วปิดเตาพักไว้ให้เย็น

ขั้นตอนการทำแป้งห่อไดฟูกุ

1. ให้เราเอาแป้งข้าวเหนียวผสมแป้งข้าวโพด ตามด้วยน้ำตาลทราย และค่อยๆ เติมน้ำ ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ในขั้นตอนนี้หากต้องการใส่สีผสมอาหารให้ผสมลงไปคนให้เข้ากัน

2. แล้วจึงนำเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกนำเข้าประมาณแค่ 2 นาที ครั้งที่ 2 ก็กะเวลาแค่ 2 นาทีเท่ากัน

3.ให้เราเช็คดูว่าสีของแป้งนั้นสุกแล้วหรือยัง ถ้าสุกแล้วแป้งจะมีความใส ให้เรานำมาวางลงบนแป้งนวลที่ผัดไว้ ป้องกันไม่ให้ติดมือ จากนั้นแบ่งตามที่ต้องการนำไปห่อ

4. เสร็จแล้วจึงนำถั่วแดงที่พักไว้มาปั้นให้ได้ทรงกลมแล้วตีแผ่ออกเพื่อให้เข้ากับสตอเบอร์รี่ที่เตรียมไว้ แล้วนำแป้งข้าวเหนียวที่ปั่นมาคลึงให้ได้แผ่นบาง ห่อสตอเบอร์รี่จับจีบให้สวยจึงถือได้ว่าเสร็จเรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีวิธีการทำ ไดฟุกุ อีกหลายแบบค่ะให้เราได้เลือกทำทั้งวิธีทำกัน

วิธีทําไดฟูกุ ไม่ใช้ไมโครเวฟ วิธีทำไดฟูกุหลายๆไส้และการทำขนมอีกหลายแบบติดตามได้ทางเว็บไซต์ของเราได้เลย

Categories
หน้าแรก เค้ก

เค้กช็อกโกแลตลาวา เมนูสำหรับคนรักช็อกโกแลต

ใครที่เป็นคนรักช็อกโกแลต Lover จะพลาดเมนูนี้ไปไม่ได้สำหรับเมนูของหวาน เค้กช็อกโกแลตลาวา ที่นอกจากเนื้อเค้กที่เป็นช็อกโกแลตแล้ว ยังสอดไส้ช็อกโกแลตและโรยด้วยหน้าเค้กด้วยผงโกโก้อีกเป็น เค้กช็อกโกแลตลาวา ผงโกโก้  เรียกได้ว่าเข้มข้นถูกใจใครหลายคนที่ชอบกินขนมกันอย่างแน่นอน วันนี้เราจึงมีสูตรวิธีทำเมนูนี้มาฝากทุกคนกัน

ส่วนผสมสำหรับทำ เค้กช็อกโกแลตลาวา

ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำเค้กช็อกโกแลตลาวา
มาทราบส่วนประกอบที่ต้องเตรียมกันก่อน ดังนี้

  1. แป้งเค้ก 40 กรัม
  2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
  3. ผงโกโก้ 35 กรัม
  4. ผงฟู ½ ช้อนชา
  5. น้ำตาลทราย 110 กรัม
  6. น้ำมันพืช 35 กรัม
  7. นมจืด 240 กรัม
  8. โฮวาเล็ต 7 กรัม
  9. น้ำ 110 กรัม
  10. เกลือ 1/8 ช้อนชา
  11. แป้งข้าวโพด 20 กรัม
  12. เนยจืด 40 กรัม

ขั้นตอนการทำเค้กช็อกโกแลตลาวา

เข้าสู่ขั้นตอนการทำเค้กช็อกโกแลตลาวาตามลำดับ มีดังนี้

  1. เริ่มต้นจากการทำสปัจน์เค้กช็อกโกแลตโดยการผสมไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 50 กรัม น้ำมันพืช 35 กรัม นมจืด 20 กรัม ผงโกโก้ 15 กรัม แป้งเค้ก 40 กรัม ผงฟู ½ ช้อนชา จากนั้นตีด้วยสปีดต่ำให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
  2. ป้ายโอวาเล็ตลงบริเวณหัวตะกร้อตี จากนั้นจึงตีด้วยสปีดสูงสุด ระยะเวลา 3 – 4 นาที ตามด้วยการตีฟองอากาศสปีดต่ำสุดอีก 1 นาที
  3. จากนั้นจึงนำส่วนผสมที่ได้มาเทลงพิมพ์ทรงกลม ใช้ไม้จิ้มฟันวนเนื้อเค้กให้เนียนเป็นการตัดอากศ แล้วจึงไปใส่ตู้อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โดยใช้ไฟบน – ล่าง ในระยะเวลาประมาณ 25 – 30 นาที เสร็จแล้วให้คว่ำเค้กลงตะแกรงพักให้เค้กเย็น
  4. ขั้นตอนการทำซอสลาวา และให้เทน้ำ 110 กรัม ใส่นมจืด 220 กรัม ใส่น้ำตาลทราย 60 กรัม และเกลือ 1/8 ช้อนชา ตามด้วยผงโกโก้ 20 กรัม แป้งข้าวโพด 20 กรัม  ใส่ทั้งหมดลงในหม้อคนให้ผงแป้งละลาย ส่วนผสมเข้ากันแล้วจึงใช้ไฟอ่อน เพื่อไม่ให้ก้นหม้อไหม้
  5. คนกระทั่งซอสขึ้นริ้วตะกร้อบางๆ จึงยกลงจากเตาแล้วใส่เนยจืด คนจนเนยละลาย
  6. เจาะรูของเค้กตรงกลาง แล้วเริ่มเทซอสจากกลางรูออกมาเททั้งตัวเค้ก
  7. โรยผงโกโก้ด้านบนจึงถือว่าเสร็จเรียบร้อย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรขนมเค้กช็อกโกแลตลาวา ผงโกโก้   เหมือนกับขนมเค้กช็อกโกแลตลาวา เซเว่น  เลยใช่ไหมล่ะคะทำง่ายกว่าที่คิดอีกนอกจากจะทำกินเองแล้วคุณยังนำสูตรขนมเค้กช็อกโกแลตลาวา ไปขายสร้างอาชีพได้อีกนะคะ

Categories
ขนมไทย

วันนี้จะพามาทำ ข้าวต้มมัด ขนมไทยแบบไม่ต้องใช้ใบตองกัน

พูดถึง ข้าวต้มมัด น่าจะเป็นเมนูขนมไทยที่เป็นการรองท้องและอาหารว่างเจ้าประจำของใครหลาย ๆ คน แต่ใครจะรู้ว่าวิธีทำเมนูนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมถ้าทำเองยังสามารถปรับลดความหวานหรือเพิ่มกล้วยและถั่วแบบเน้น ๆ เข้าไปได้ด้วย บอกเลยว่านี่อาจกลายเป็นข้าวต้มมัดที่อร่อยที่สุดในโลกของคุณกันได้เลยทีเดียว พร้อมแล้วมาเริ่มเรียนรู้สูตรข้าวต้มมัดโบราณไปด้วยกันดีกว่า

วัตถุดิบของเมนูขนมไทยข้าวต้มมัด

ข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง (ต้องแช่ทิ้งเอาไว้ข้ามคืน)

กะทิ 800 มิลลิลิตร

เกลือ 1 ช้อนชา

ถั่วดำ 1 ถ้วยตวง (ต้องแช่ทิ้งเอาไว้ข้ามคืน)

น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

กล้วยหอม

กระดาษไข

วิธีทำ ข้าวต้มมัด

1. เริ่มจากการเทกะทิลงในหม้อแล้วเปิดไฟอ่อน ๆ ใส่ข้าวเหนียว ตามด้วยเกลือ ถั่วดำ ปิดท้ายด้วยการใส่น้ำตาลทราย

2. จากนั้นเริ่มผัดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดีโดยการใช้ไม้พายคนไปเรื่อย ๆ ซึ่งข้าวเหนียวจะค่อย ๆ ดูดซึมน้ำกะทิเข้าไป และจะสังเกตได้เลยว่ากะทิเริ่มแห้ง

3. นำกระดาษไขมันใช้แทนใบตองเพื่อความสะดวก และสามารถห่อกันได้ตามถนัดได้เลยและ โดยในขั้นตอนนี้ต้องใส่กล้วยหอมลงไปเป็นไส้ด้วย

4. เมื่อห่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้นำไปนึ่งประมาณ 20-30 นาที ทุกอย่างจะสุกดี การทำข้าวต้มมัดแบบนี้จะมีกลิ่นหอมของกะทิเข้ามาแทนที่ใบตอง

วิธีนี้เหมาะกับการทำแบบเน้นความสะดวก เพราะมีสิ่งเดียวที่อาจขาดหายไปบ้างคือกลิ่นของใบตองนั่นเอง แต่คุณสามารถเพิ่มเติมไส้กล้วยในข้าวต้มมัดเข้าไปได้ใหญ่ตามใจกันเลยจนเรียกได้ว่าเป็นสูตรข้าวต้มมัดโบราณที่ปรับแล้วกลายเป็นข้าวต้มมัดที่อร่อยที่สุดในโลก

Categories
ขนมเจ

ข้าวเหนียวเปียกลำไย ขนมไทย สำหรับคนทานเจ

วันนี้จึงอยากพาทุกคนมองลองทำขนมไทย ที่เจทานได้แน่นอน รสชาติละมุนหอมหวานมันจากกะทิตัดกับเนื้อหนึบจากความเหนียวของข้าวเหนียว และเนื้อกรอบ ๆ ของลำไยสด เมนูนั้นก็คือ ข้าวเหนียวเปียกลำไย ขนมไทยที่อาจจะใช้เวลาในการทำซักนิดแต่ก็คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้ไป มาลองดูสูตรและวิธีทำกัน

ส่วนประกอบของข้าวเหนียวเปียกลำไย

  1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู   1 ถ้วยตวง
  2. น้ำลำไย   6 ถ้วยตวง
  3. ลำไยสดคว้านเม็ด   300 กรัม
  4. กะทิกล่อง   180 มิลลิลิตร
  5. มะพร้าวอ่อน    2 ผล
  6. น้ำตาลทราย    3/4 ถ้วยตวง
  7. เกลือเล็กน้อย

วิธีทำข้าวเหนียวเปียกลำไย

ขั้นตอนที่ 1 ซาวข้าวเหนียวด้วยน้ำสะอาด จากนั้นใส่ตะแกรงรอให้สะเด็ดน้ำ

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเนื้อลำไยคว้านเมล็ด และขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนรอไว้ และแยกน้ำมะพร้าวลงใส่หม้อต้มไปกับน้ำลำไย ที่ได้จากการต้มลำไยแห้ง

ขั้นตอนที่ 3 ใส่ข้าวเหนียวลงไปในหม้อน้ำลำไยผสมน้ำมะพร้าวที่อยู่บนเตาเปิดไฟกลาง ๆ และใส่เนื้อลำไยลงไป คนเบา ๆ ระวังไหม้ติดหม้อ เมื่อรู้สึกว่าข้าวเหนียวเริ่มหนืดให้รี่ไฟลง ต้มไปเรื่อย ๆ จนข้าวเหนียวสุก บานออก เริ่มใส่น้ำตาลทรายลงไปต่อ พยายามใส่ทีละส่วน แล้วลองชิมระดับความหวานที่ต้องการสามารถปรับตรงนี้ได้

ขั้นตอนที่ 4 ใส่เนื้อลำไยและมะพร้าวอ่อนลงไปในหม้อ และเติมเกลือลงไปเล็กน้อย ปิดไฟยกลงจากเตา

ขั้นตอนที่ 5 ทำกะทิราด โดยนำกะทิมาตั้งไฟอ่อน ๆ ค่อย ๆ คนจนเริ่มเดือดใส่เกลือเล็กน้อย พอให้มีความเค็มนิด ๆ ไว้สำหรับราดไปบนข้าวเหนียวช่วยตัดเลี่ยนจากความหวานได้ ปิดไฟยกลงเตา

ขั้นตอนที่ 6 ตักข้าวเหนียวลำไยใส่ถ้วยราดด้วยกะทิ พร้อมเสิร์ฟ

จบกันไปแล้วกับการแนะนำสูตรของหวานเจ  อย่างข้าวเหนียวเปียกลำไย ที่เอาไว้ไปลองทำตามกันได้ที่บ้าน ทำไปฝากเพื่อน ๆ หรือญาติผู้ใหญ่ที่จะทานเจหรือไม่เจก็ฝากได้เช่นกัน

Categories
ขนมคลีน

ขนมคลีนสุดเข้มข้นเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลต

หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่ากล้วยนั้นสามารถเข้ากันได้ดีกับช็อกโกแลต แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างสามารถมาผสมรวมกันแล้วกลายเป็นขนมคลีนอย่างเมนู เค้กกล้วยหอม ช็อกโกแลตได้ ถ้าใครอยากลองเข้าครัวแล้วทำเมนูสุดฟินนี้ด้วยตัวเองวันนี้มาเก็บสูตรจากเราไปเริ่มทำกันได้เลย

วัตถุดิบของเมนูขนมคลีน เค้กกล้วยหอม ช็อกโกแลต

กล้วยหอม 1 ลูก

ไข่ไก่ 1 ฟอง

โยเกิร์ตสูตรไขมันต่ำ 4 ช้อนชา

ผงโกโก้แท้ 1 ช้อนชา

วิธีทำเมนูขนมคลีน เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลต

1. นำกล้วยหอมมาปลอกแล้วเริ่มบดด้วยส้อม จากนั้นเติมไข่ โยเกิร์ต และโกโก้ลงไป คนให้ทุกส่วนผสมเข้ากันดีเป็นเนื้อเดียว

2. เมื่อทุกส่วนผสมเข้ากันดีให้เริ่มนำมาใส่พิมพ์ที่ต้องการ แล้วทำการตุ๋น วิธีจะคล้ายกับการทำพุดดิ้ง สูตรนี้จะใช้เวลาในการตุ๋นไม่เยอะมากเพื่อที่จะให้เนื้อไม่แห้งมีน้ำอยู่ข้างในเล็กน้อย แต่เวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับภาชนะที่คุณใช้อบอีกทีหนึ่ง อย่างถ้าเป็นคัพเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตก็อาจใช้เวลาไม่มากนั่นเอง ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 10-12 นาที

3. หลังจากอบสุกแล้วให้นำออกมาโรยด้วยอัลมอนด์หรือกราโนลากันได้เลย

สำหรับขนมคลีนเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตนั้น สามารถที่จะทานคู่กับผลไม้ได้หลากหลายชนิดหรือจะราดด้วยซอสโกโก้จนกลายเป็นเค้กกล้วยหอมโกโก้หรือคัพเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตกันได้เลย บอกเลยว่าเมนูนี้ทำง่าย ส่วนผสมน้อย อร่อย แถมยังได้ประโยชน์ในเวลาเดียวกัน สายคลีนหรือใครที่กำลังอยากดูแลสุขภาพบอกเลยว่าไม่ควรพลาด

Categories
ขนมไทย

มาเปิดเตาทำขนมไทยอย่าง ขนมเบื้องไส้หวานกัน

สำหรับ ขนมเบื้อง นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในขนมไทยที่หลาย ๆ คนโปรดปราน ซึ่งหลายครั้งเวลาไปซื้อการยืนดูคนขายทำขนมชนิดนี้ก็ดูจะมีความน่าสนุกอยู่ไม่น้อย  วันนี้เราเลยจะพาคุณมาทำของว่างไทยง่าย ๆ แนะนำสูตรนี้เลย สูตรแป้งเบื้องชาววัง วัตถุดิบและขั้นตอนจะมีอะไรบ้างพร้อมแล้วมาเริ่มเข้าครัวกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบ ขนมเบื้อง สูตรแป้งเบื้องชาววัง

แป้งข้าวเจ้า    3    ถ้วย

ถั่วเขียวคั่วป่นละเอียด      1   ถ้วย

น้ำตาลทราย    ½    ถ้วย

ไข่ไก่        2     ฟอง

น้ำปูนใส    2     ถ้วย

วัตถุดิบครีม

ไข่ขาวของไข่เป็ดแบบแช่เย็นจัด     2          ฟอง

น้ำตาลปี๊บ  400      กรัม

วัตถุดิบไส้หวาน

ฝอยทอง            2          ถ้วย

งาขาวคั่ว           ½         ถ้วย

วิธีทำสูตรแป้งเบื้องชาววัง

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียวคั่ว น้ำตาลทราย ไข่ไก่ ให้เข้ากัน

2. เทน้ำปูนใสลงไปแล้วทีละน้อยนวดสลับกับแป้งจนเข้ากันและทิ้งไว้ 10 นาทีจนน้ำตาลทรายละลายหมดแล้วพักเอาไว้รอ

วิธีทำครีม

ตีไข่ขาวกับน้ำตาลปี๊บด้วยความเร็วสูงสุดของเครื่องตี จนสังเกตได้ว่าขึ้นฟูพร้อมกับตั้งยอด ส่วนใหญ่แล้วจะตีประมาณ 10-15 นาที

วิธีทำ ขนมเบื้อง

1. หากทำที่บ้านให้ใช้เป็นกระทะเทฟลอน เปิดไฟอ่อน ตักแป้งขนมลงบนกระทะแล้วทำให้บาง ๆ รอจนสุก

2. ทาครีมลงไปบนแป้งที่สุก ครีมเริ่มร้อนจะมีฟองอากาศให้เห็น

3. นำไส้วางลงบนครีมตามใจชอบ

4. เมื่อแป้งเริ่มกรอบให้แซะพับครึ่งแล้วแซะอีกรอบให้หลุดจากกระทะ พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

สำหรับขนมไทยอย่างขนมเบื้องสูตรนี้นั้นเป็นสูตรแป้งเบื้องชาววังที่รับรองว่าทำง่ายรสชาติอร่อยถือเป็นหนึ่งในของว่างไทยง่าย ๆ ที่ถ้าว่างแล้วทำก็สนุกและได้ฝึกทักษะกันไปอีกแบบ