Categories
น้ำปั่น

ดับร้อนให้ร่างกายสดชื่น ด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรอย่าง น้ำเก๊กฮวย

หากคุณเล่นทายคำในหมวดเมนูน้ำสมุนไพร ชื่อได้เลยว่าชื่อแรกที่ออกมาย่อมเป็นน้ำสมุนไพรสีเหลืองอำพัน อย่าง น้ำเก๊กฮวย ที่หาซื้อง่าย แถมดื่มแล้วสดชื่น หอมติดจมูก ทานได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นด้วย ซึ่งหากสังเกตดี ๆ แม้ว่าเราจะทานแบบร้อนก็ยังเสมือนว่าให้ความรู้สึกเย็นกับร่างกาย นั่นก็เพราะสรรพคุณน้ำเก๊กฮวยนั้น มีฤทธิ์เย็น แก้ร้อนในได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงโลหิต และหัวใจ บำรุงสายตา บรรเทาอาการท้องอืด และยังใช้แก้อาการวิงเวียนศีรษะได้ด้วย เรียกได้ว่าสรรพคุณคับคั่ง อยู่ในน้ำเก๊กฮวยหนึ่งแก้วกันเลยทีเดียว วันนี้ชวนทุกคนมาลองทำน้ำเก๊กฮวยใบเตยในช่วงอยู่บ้านแบบนี้กัน ตามสูตรข้างล่างเลย

ส่วนผสม น้ำเก๊กฮวย ใบเตย

  1. ดอกเก๊กฮวยแห้ง   ประมาณ 10 ดอก
  2. น้ำตาลทราย  1-3 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำเปล่า  1 ลิตร
  4. ใบเตย  4-5 ใบ

วิธีทำน้ำเก๊กฮวยใบเตย

ขั้นตอนที่ 1        ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ และนำไปตั้งไฟจนน้ำเดือด

ขั้นตอนที่ 2        ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไปในหม้อ เมื่อเวลาผ่านไปสีของดอกเก๊กฮวยเริ่มออกมา จึงใส่น้ำตาลทราย ใส่ใบเตยที่หักหรือขยี้ให้กลิ่นออก คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา รอให้เย็น จากนั้นจะทานแบบร้อนเสมือนเป็นชาเก๊กฮวย หรือแบบเย็นก็แล้วแต่ชอบ

เป็นเมนูเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรที่ทำง่ายมาก ๆ เพียงมีดอกเก๊กฮวยแห้งสั่งมาติดบ้านไว้ สำหรับน้ำเก๊กฮวยใบเตย วัตถุดิบต่าง ๆ ก็หาง่ายยิ่งบางบ้านที่มีเจ้าใบเตยปลูกไว้ติดบ้านยิ่งหาวัตถุดิบง่าย จริง ๆ หากใครไม่มีใบเตยไม่ใส่ก็ยังมีความหอมจากดอกเก๊กฮวยออกมาเหมือนกันนะ ฝากลองไปทำตามกันน้า

Categories
น้ำปั่น

เสริมภูมิคุ้มกันด้วย น้ำเสาวรส อุดมด้วยวิตามินซีสูง

เสาวรส เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเปรี้ยวอมหวาน และเอกลักษณ์ของมันคือเม็ดเสาวรสที่หุ้มเนื้อเสาวรสบาง ๆ เม็ดมันสามารถทานได้ แต่หากให้ทานสด ๆ เลยอาจจะทานยากไปสำหรับบางคน วันนี้เราจึงนำเมนู น้ำเสาวรส ที่เป็นน้ำเสาวรส 100 % คั้นสด ๆ ไม่เติมสี ไม่เติมกลิ่นมาฝากทุกคนลองไปทำตาม ยิ่งช่วงนี้หลายคนอาจจะกำลังตามหาอาหารเสริมที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอย่างวิตามินซี น้ำเสาวรสนี้เองก็มีวิตามินซีสูงเหมือนกัน แถมยังช่วยเรื่องระบบขับถ่าย พร้อมทั้งบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มาดูวิธีทำกันเลยดีกว่า

ส่วนผสมน้ำเสาวรส                         

  1. เสาวรส           2 กิโลกรัม
  2. น้ำตาลทราย 300-500 กรัม อาจเพิ่มลดได้ตามความชอบ
  3. เกลือ               5 กรัม
  4. น้ำเปล่า          3 ลิตร

วิธีทำน้ำเสาวรส

ขั้นตอนที่ 1 ล้างเสาวรสให้สะอาด จากนั้นเริ่มผ่าครึ่งลูกเสาวรส และตักเอาแต่เนื้อและคน โดยใช้หลังช้อนที่ตัก ขยี้เนื้อไปด้วย มันจะได้น้ำเสาวรสออกมาเยอะขึ้น

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อเตรียมเสาวรสเสร็จให้ใส่ลงในหม้อ พร้อมกับใส่น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าตามลงไป ต้มไปเรื่อย ๆ เมื่อใกล้เดือดเติมเกลือเล็กน้อย ต้มต่อจนกว่าน้ำจะเดือด สีของน้ำเสาวรสจะเข้มขึ้น ควรคอยช้อนฟองออกตลอด และต้องระวังหากเร่งไฟน้ำเดือดเกินไปฟองอาจจะล้นออกมาจากหม้อได้

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อน้ำเดือดให้ปิดไฟ จากนั้นนำกระชอนมาช้อนเม็ดเสาวรสขึ้นมายีเนื้อเสาวรส แยกเม็ดเสาวรสออกไปส่วนเนื้อใส่กลับเข้าหม้อ ทำเช่นนี้จนเหลือเม็ดน้อย แล้วจึงรอให้เย็นลง ตักใส่น้ำแข็งพร้อมดื่ม              

จบกันไปแล้วกับการวิธีทำน้ำเสาวรส รสเปรี้ยวอมหวาน และยิ่งหากเพิ่มความสนุกในการดื่ม สดชื่นชุ่มคอไปอีกแบบด้วยการเติมส่วนผสมอื่น เช่น น้ำเสาวรสโซดา น้ำเสาวรสน้ำผึ้ง เป็นต้น

Categories
น้ำปั่น

น้ำอัญชัน มะนาวโซดา น้ำสมุนไพรผสมความซาบซ่าเพิ่มความสดชื่น

เบื่อน้ำสมุนไพรแบบเดิมกันบ้างหรือยัง อยากเพิ่มความสนุกสนานทั้งในการทำน้ำสมุนไพร และเพิ่มความสดชื่นในการดื่มน้ำสมุนไพร ที่จากเดิมเพียงตั้งหม้อใส่น้ำ ใส่สมุนไพร ใส่น้ำตาล รอให้เย็น ใส่น้ำแข็งเป็นอันเสร็จ เป็นความซับซ้อนอีกไปขั้น ต้องลองมาทำตามเมนูน้ำสมุนไพรที่จะนำเสนอในวันนี้ น้ำอัญชัน มะนาวโซดา น้ำสมุนไพรสีสันสดใส แนวอิตาเลี่ยนโซดา ที่นอกจากจะได้รับสรรพคุณอันดีงามทั้งชะลอริ้วรอย มีสารต้นอนุมูลอิสระ ลดน้ำตาล บำรุงสายตาขับปัสสาวะจากน้ำอัญชันเพื่อสุขภาพ ยังได้ความเปรี้ยวจากมะนาว และความซาบซ่าจากโซดาเพิ่มความสดชื่นอีกด้วย มาดูสูตรกันเลยดีกว่า

ส่วนผสมน้ำอัญชันมะนาวโซดา      

  1. ดอกอัญชันสด  50  กรัม
  2. น้ำเชื่อม  4 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำเปล่า  2   ถ้วยตวง
  4. น้ำมะนาว       ตามความต้องการ
  5. โซดา            ตามความต้องการ

วิธีทำ น้ำอัญชัน มะนาวโซดา

ขั้นตอนที่ 1 ต้มน้ำเปล่าจนเดือด จากนั้นใส่ดอกอัญชันสดที่ล้างสะอาด อย่าลืมดึงแกนด้านในออกเพื่อไม่ให้ขม ต้มประมาณ 2-3 นาที จนได้น้ำอัญชันสีฟ้า แล้วจึงกรองดอกอัญชันออก เทน้ำอัญชันใส่แก้ว

ขั้นตอนที่ 2 รอจนน้ำอัญชันในแก้วอุ่นลง จึงเติมน้ำเชื่อม และน้ำมะนาวลงไปตามชอบ รอให้น้ำอัญชันมะนาวเย็นตัวลงอีก จึงใส่น้ำแข็งลงไป แล้วจึงใส่โซดาปิดท้าย ก่อนดื่มอย่าลืมคนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

จบไปอีกกับหนึ่งสูตรน้ำอัญชันสุดสดชื่น แต่ใครที่ไม่ชอบความซาบซ่าของโซดาอาจไม่เติมโซดาก็ได้ รวมถึงอาจทำน้ำอัญชันในแบบอื่น เช่น น้ำอัญชันใบเตย, น้ำอัญชันน้ำผึ้งมะนาว, น้ำอัญชันผสมเก๊กฮวย เป็นต้น ก็ยังได้สรรพคุณจากอัญชันอยู่เช่นกัน

Categories
น้ำปั่น

มาล้วงความลับ ชามะนาว แม่ค้ากัน

การผสมผสานระหว่างชากับมะนาวที่ออกมาเติมความสดชื่นได้อย่างลงตัวจนทำให้เมนูเครื่องดื่มอย่าง ชามะนาว ปั่นนั้นกลายเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คน แต่ช่วงนี้หลายคนต้องอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหนจะดีกว่าไหมถ้าคุณได้สูตรลับชามะนาวที่เรียกได้ว่าเป็นสูตรชามะนาวทำขายไปลองทำกันดู หรือถ้าจะเรียกให้คนไทยคุ้นเคยกันขึ้นมาอีกนิดวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับชาดำเย็นปั่นกันนั่นเอง

วัตถุดิบชามะนาวปั่น

ชาฝรั่ง    2  ซอง

น้ำร้อน   1 ถ้วย

น้ำตาล   1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว  3 ช้อนโต๊ะ

น้ำแข็งป่น   1 แก้ว      (16 ออนซ์)

วิธีทำ ชามะนาว ปั่น

1. ชาฝรั่งแนะนำว่าให้เลือกเป็นรสผลไม้หรือชาดำจะเข้ากับการทำเมนูนี้ เมื่อเลือกได้แล้วนำถุงชามาแช่น้ำร้อนเอาไว้ประมาณ 5-10 นาที

2. เมื่อแช่ชาจนได้ที่นำถุงชาออกแล้วเริ่มปรุงรสชาด้วยน้ำตาลและมะนาว

3. นำน้ำแข็งใส่ในเครื่องปั่นตามด้วยน้ำชามะนาวที่เตรียมไว้ ปั่นทุกส่วนผสมให้เข้ากัน ลองชิมเพื่อเพิ่มหรือลดความเปรี้ยวหวานได้ตามสไตล์ที่ชอบ

ชามะนาวนั้นยังสามารถหันมาเน้นดื่มเพื่อสุขภาพได้ด้วยการใส่สารแทนความหวานอื่น ๆ นอกจากน้ำตาลเพื่อให้คุณลดความเสี่ยงในเรื่องของน้ำตาลในเลือด และใช้เป็นมะนาวสด ๆ ในการทำบอกเลยว่าช่วยทำให้ชื่นใจได้เป็นอย่างดี และนี่คือเทคนิคและสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสูตรลับชามะนาวที่พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่นั้นใช้เป็นสูตรชามะนาวทำขายกันเลยทีเดียว

Categories
น้ำปั่น

มาตื่นไปพร้อมกับ มอคค่า ปั่นแบบเข้มข้น

สำหรับใครที่คอแข็งสามารถดื่มกาแฟไปพร้อมกับโกโก้ได้เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดที่จะลองเมนูอย่าง มอคค่า ปั่นกัน เพราะขึ้นชื่อเลยว่าเป็นเมนูกาแฟที่ทำให้ใจเต้นได้กว่าเมนูอื่น ๆ และเติมความสดชื่นพร้อมให้ร่างกายตื่นกว่าอีกด้วย ทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่นิยมจนร้านกาแฟดัง ๆ เอาไปพัฒนาจนมีสูตรมอคค่าปั่นอเมซอนและมอคค่าปั่นสตาร์บัค รู้แบบนี้แล้วรีบมาดูมอคค่าส่วนผสมสูตรเด็ดสูตรนี้กันเลยดีกว่า

วัตถุดิบ มอคค่า ปั่น

โกโก้    1  ช้อนโต๊ะ

กาแฟเอสเพรซโซ่    30  ml.

นมสด    1   ถ้วยตวง

น้ำเชื่อม   1  ช้อนโต๊ะ

น้ำแข็ง    1   แก้ว     (16 ออนซ์ )

ซอสช็อกโกแลต        เพื่อตกแต่ง

วิธีทำมอคค่าปั่น

1. สกัดกาแฟหรือชงกาแฟจากผงสำเร็จรูปให้ออกมาตามปริมาณก่อน

2. นำกาแฟที่ได้มาใส่โกโก้เข้าไปแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาผสมกับนมสด เติมน้ำเชื่อมลงไป

3. ใส่น้ำแข็งลงในเครื่องปั่น แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดลงไป

4. ปั่นทุกส่วนผสมให้เข้ากันโดยสามารถเพิ่มลดความหวานและนมสดได้ตามต้องการ

5. ราดซอสช็อกโกแลตรอบแก้วแล้วเริ่มเทส่วนผสมที่ปั่นเรียบร้อยลงไป อาจเพิ่มเติมด้วยวิปปิ้งครีมและโรยผงโกโก้เพื่อตกแต่งได้

ทั้งหมดที่เราได้แนะนำไปวันนี้บอกเลยว่าเป็นมอคค่าปั่นที่ทุกคนโหวตว่าคล้ายกับมอคค่าปั่นอเมซอนและมอคค่าปั่นสตาร์บัคมากที่สุด ถ้าคุณต้องการเพิ่มประโยชน์มากขึ้นอาจปรับมอคค่าส่วนผสมเป็นกาแฟแบบออแกนิค โกโก้เป็นคาเคา และนมเป็นแบบแลตโตสฟรี รวมทั้งใช้น้ำตาลหญ้าหวานแทนน้ำเชื่อม ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็กลายเป็นแก้วสุขภาพของคุณกันได้แล้ว

Categories
น้ำปั่น หน้าแรก

มาเติมคาเฟอีนให้ร่างกายไปกับ คาปูชิโน่ ปั่น

หลายคนมักจะติดดื่มกาแฟวันละอย่างน้อย 1 แก้วเสมอ แต่นานวันไปอาจเบื่อเมนูเดิม ๆ วันนี้เราเลยอยากพาเมนูกาแฟอย่าง คาปูชิโน่ มาเพิ่มลูกเล่นให้กลายเป็นคาปูชิโน่ปั่น และเราจะพาสูตรคาปูชิโน่ปั่น 22 ออนซ์ที่มีความคล้ายกับคาปูซิโน่ปั่นอเมซอนยอดนิยมมาให้คุณได้ลองเอาไปปั่นดื่มตามกันแบบไม่ต้องกังวลว่าคาปูชิโน่ปั่นกี่แคล เพราะความอร่อยล้ำหน้าทำให้คุณลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน

วัตถุดิบคาปูชิโน่ปั่น

เอสเพรสโซ่   2    ช็อต   (60 มิลลิลิตร)

นมสดเย็น    50    มิลลิลิตร

ครีมเทียม   50   มิลลิลิตร

นมข้นจืด   25    มิลลิลิตร

ผงปั่น   50   กรัม

น้ำแข็ง   1    แก้ว    (22 ออนซ์)

วิธีทำ คาปูชิโน่ ปั่น

1. ชงกาแฟเอสเพรสโซ่มาตามปริมาณที่สูตรแนะนำ สามารถใช้ได้จากกาแฟสำเร็จรูปและกาแฟสดตามอุปกรณ์และความสะดวกของคุณกันได้เลย

2. เมื่อได้กาแฟมาให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นจากนั้นตามด้วยน้ำแข็ง ครีมเทียม นมข้นจืด นมสด ผงปั่น แล้วทำการปั่นให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน

3. เมื่อเครื่องดื่มละเอียดดีแล้วให้นำมาใส่แก้ว โดยอาจเพิ่มวิปปิ้งครีม ราดคาราเมล โรยผงโกโก้ หรือผงชินามอนลงไปเพื่อเป็นการตกแต่งพร้อมกับเพิ่มรสชาติตามสไตล์ที่คุณชอบ

บอกเลยว่านี่คือสูตรคาปูชิโน่ปั่นที่ใกล้เคียงกับคาปูซิโน่ปั่นอเมซอนมากที่สุด และถือเป็นสูตรคาปูชิโน่ปั่น 22 ออนซ์ที่ได้รับความนิยมและทำง่ายมากที่สุดสูตรหนึ่งอีกด้วย โดยคาปูชิโน่ปั่นกี่แคลถ้าคุณอยากรู้เราก็ได้เตรียมข้อมูลมาเฉลยให้หายคาใจแล้วว่าอยู่ที่ประมาณ 320 แคลลอรี่นั่นเอง

Categories
น้ำปั่น

มาปรับรสชาติน้ำไทยให้มีมิติมากขึ้นกับ ชาไทย ปั่นกัน

ถ้าชอบดื่มเครื่องดื่มชื่นใจระหว่างวันแต่เบื่อกาแฟกันแล้วขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดการปันใจมาให้กับเมนูอย่างชาไทยปั่น ซึ่งวันนี้เราจะนำสูตร ชาไทย ที่ใช้ใบชาไทยมาฝากคุณกัน ลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเองกันว่าชาไทยชงเองในแบบฉบับชาไทยโบราณนั้นจะอร่อยเหมือนที่เคยไปดื่มตามร้านหรือไม่ คุณอาจค้นพบว่าคุณสนุกและมีความสุขกับการทำเครื่องดื่มหลังจากได้ลองทำเมนูนี้กันก็เป็นได้

วัตถุดิบ ชาไทย ปั่น

น้ำชาไทย   60  ml.

น้ำตาลทราย   1  ช้อนโต๊ะ

นมข้น    60   ml.

ครีมเทียม   2   ช้อนโต๊ะ

นมสด   45   ml.

วิธีทำชาไทยปั่น

1. นำใบชาไทยมาทำการสกัดจนได้น้ำชาแดงหรือชาไทยออกมาในปริมาณที่สูตรกำหนด หากอยากเพิ่มความเข้มสามารถเพิ่มปริมาณชาได้

2. ใส่น้ำตาล นมข้น ครีมเทียม และนมสดลงในแก้วคนแล้วทำการคนทุกส่วนผสมให้เข้ากันพอประมาณ

3. เทน้ำแข็งลงในเครื่องปั่น ตามด้วยชาไทยที่สกัดออกมา และใส่ส่วนผสมในข้อที่สองลงไป จากนั้นทำการปั่นให้ละเอียดเข้ากัน แนะนำว่าให้ปั่นด้วยความเร็วสูงสุด

คุณสามารถเพิ่มลูกเล่นและความทันสมัยให้กับชาไทยปั่นได้ด้วยการใส่วิปปิ้งครีมด้านบนสุด เพื่อให้สูตรชาไทยโบราณไม่ต้องล้าสมัยกันอีกต่อไป เพียงเท่านี้สูตรชาไทยจากใบชาไทยและยังเป็นชาไทยชงเองของคุณก็พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นละมุนลิ้นและทำให้ยามบ่ายของคุณไม่ง่วงกันอีกต่อไป ยิ่งทานคู่กับขนมบอกเลยว่ายิ่งเข้ากันทำให้ทุกวันที่ได้ดื่มเป็นวันที่มีความสุขวันหนึ่งของคุณอย่างแน่นอน

Categories
เค้ก

ที่มาของ ชีสเค้กหน้าไหม้ ขนมหวานสุดฮิตของทุกยุค

หากพูดถึง ชีสเค้กหน้าไหม้ ขนมเค้กที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ หลาย ๆ คนคงอาจจะยังไม่ทราบว่า ขนมชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองบากส์ ประเทศสเปน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อขนมเค้กชนิดนี้ ได้รับความนิยมในอเมริกาก่อนจะเป็นที่รู้จัก และนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย และในวันนี้เพื่อเป็นการช่วยให้ทุกคนไม่ตกเทรนด์ เราจึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับสูตรของขนมชีสเค้กหน้าไหม้มาให้ทุกคนแล้วค่ะ

สูตรทำชีสเค้กหน้าไหม้ สูตรง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

ชีสเค้กหน้าไหม้ เป็นขนมที่ทำได้ง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับขนมเค้กชนิดอื่น ๆ โดยสูตรทำชีสเค้กหน้าไหม้ มีส่วนผสมดังนี้

  1. ชีสเค้ก 500 กรัม
  2. น้ำตาลทราย (สำหรับทำเบเกอรี่) 140 กรัม
  3. วิปครีมสด (สำหรับทำเบเกอรี่) 270 กรัม
  4. แป้งเค้ก หรือแป้งข้าวโพด 20 กรัม
  5. ไข่ไก่ เบอร์ 1 3 ฟอง
  6. กลิ่นวานิลลา 1 ช่อนชา
  7. เกลือ เล็กน้อย

วิธีทำ ชีสเค้กหน้าไหม้ ด้วยหม้ออบลมร้อน

  1. เตรียมครีมให้นิ่ม จนเนื้อครีมนิ่มลง และมีอุณหภูมิยู่ในระดับเดียวกับอุณหภูมิห้อง
  2. ใส่น้ำตาล และเกลือลงไปในครีม จากนั้นตีให้น้ำตาลและเกลือละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับครีม
  3. ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง อย่าใส่ครั้งเดียวพร้อมกัน
  4. ผสมวิปปิ้งครีมและกลิ่นวานิลลา ลงไปและคนอย่างต่อเนื่อง
  5. ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไป จากนั้นกรองส่วนผสมต่าง ๆ อีกครั้ง เพื่อให้ได้เนื่องครีมที่เนียน
  6. เทเนื้อครีมลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ อย่าลืมเคาะฟองอากาศออกจากเนื้อครีมที่อยู่ในพิมพ์
  7. นำไปอบในหม้ออบลมร้อนในอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส 20 นาที และจากนั้นลดไฟลงให้อยู่ในระดับ 180 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 20 นาทีเป็นอันเสร็จสิ้น

เคล็ดไม่ลับสำหรับวิธีทำชีสเค้กหน้าไหม้ ให้ออกมานุ่มชุ่มฉ่ำ คือ ในระหว่างที่อบเค้กให้ใส่น้ำเข้าไปอบด้วยเพื่อเป็นการช่วยให้เนื้อเค้กไม่แห้งจนเกินไป นอกจากนี้การใช้วัตถุดิบที่ดีก็จะทำให้ชีสเค้กหน้าไหม้ของคุณอร่อยขึ้นได้ไปอีกขั้นค่ะ  

Categories
ขนมคลีน

ช็อกบอล สูตรคลีน ขนมที่เหมาะกับสายเฮลตี้

ช็อกบอล เป็นขนมหวานที่อาจจะหาข้อมูลชี้ชัดไม่ได้ว่า มีที่มาจะที่ไหน ซึ่งช็อกโกแลตเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรป และแพร่หลายไปในทุก ๆ ประเทศ จนทำให้ขนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตนั้นได้รับความนิยมไปต่าง ๆ กัน และเมื่อประมาณ 3 – 4 ปีที่ผ่านมานี้ ช็อกบอล ก็ค่อนข้างที่จะเป็นกระแสอย่างมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากนำเสนอช็อกบอล สูตรคลีน ซึ่งเป็นสูตรที่เหมาะกับสายเฮลตี้เป็นอย่างยิ่ง

ส่วนผสม ช็อกบอล สูตรคลีน

สำหรับใครที่อยากทำช็อกบอล สูตรคลีน วันนี้เราได้นำสูตรช็อกบอล สูตรคลีน มาไว้เป็นแนวทางให้ทุกคนแล้ววันนี้ โดยส่วนผสมช็อกบอล สูตรคลีน มีดังนี้

  1. ดาร์ช็อกโกแลต 99% 100 กรัม
  2. มันญี่ปุ่น 200 กรัม
  3. น้ำผึ้งแท้ (ตามชอบ)
  4. ซีเรียล หรอธัญพืช (ตามชอบ)
  5. ผงโกโก้

วิธีทำช็อกบอล สูตรคลีน ทำง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ

ช็อกบอล สูตรคลีน หรือโกโก้บอลคลีนเป็นขนมที่ทำได้ง่าย ๆ แบบที่คุณไม่ต้องใช้เตาอบ ซึ่งวิธีทำช็อกบอล สูตรคลีน เป็นขนมที่ไม่จำเป็นต้องล็อกสูตรแบบตายตัว ดังนั้นจึงสามารถใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ได้ตามความชอบ โดยมีวิธีทำดังนี้

  1. นึ่งมันญี่ปุ่น จากนั้นนำมาบี้ หรือบกให้ละเอียกเป็นเนื้อเนียน
  2. ละลายช็อกโกแลต จากนั้นเทใส่ถาด หรือโถ และนวดให้เข้ากันกับมันที่บดไว้
  3. ใส่น้ำผึ้งลงไป ตามด้วยธัญพืชต่าง ๆ นวดทุกอย่างให้เข้ากัน
  4. หากส่วนผสมต่าง ๆ ยังเหลวเกินไปสามารถเพิ่มมันญี่ปุ่นลงไปได้
  5. ปั้นเป็นก้อน และนำมาคลุกกับผงโกโก้เพื่อไม่ให้ติดกับบอลลูกอื่น ๆ

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ช็อกบอล หรือช็อกโก้บอล สูตรคลีน อร่อย ๆ ไว้รับประทานแล้วค่ะ

Categories
หน้าแรก

ทาร์ตไข่ ขนมหวานที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน

เมื่อพูดถึง ทาร์ตไข่ หลาย ๆ คนคงต้องนึกถึงทาร์ตไข่จาก KFC เนื่องจากช่วงหนึ่งโฆษณาทาร์ตไข่ของ KFC นั้น เป็นไวรัลอย่างมาก แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าประวัติของทาร์ตไข่นั้นมีมายาวนานตั้งแต่ปี 1700 หรือมากกว่า 300 กว่าปีมาแล้ว ในวัด Jeronimos ของประเทศโปรตุเกส จนกระทั่งในปี 1820 รัฐบาลโปรตุเกสได้ยกเลิกการให้เงินกับวัด ดังนั้นหลวงพ่อ และแม่ชีในวัด Jeronimos จึงได้ทำทาร์ตไข่ออกขายเพื่อหารายได้เข้าวัด และเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนถึงปัจจุบันนี้ และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศฮ่องกง และมาเก๊า

สูตรทำ ทาร์ตไข่ แบบโฮมเมด

สำหรับการทำทาร์ตไข่นั้นเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ได้ยากเท่าที่คุณคิด เนื่องจากปัจจุบันสูตรทำทาร์ตไข่นั้นได้มีการดัดแปลงให้สามารถทำได้ง่ายขึ้น และในวันนี้เราจะมาแนะนำสูตรทำทาร์ตไข่สไตล์โฮมเมด ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยมีส่วนผสมทาร์ตไข่ สำหรับทาร์ตชิ้นเล็ก 12 ชิ้น ดังนี้

  1. แป้งพายถ้วย
  2. วิปปิ้งครีมสด (สำหรับทำขนม) 200 กรัม
  3. นมสด 200 กรัม
  4. ไข่ไก่เบอร์ 0 จำนวน 3 ฟอง
  5. น้ำตาล (สำหรับทำขนม) 100 กรับ (ชอบหวานเพิ่มได้)
  6. เกลือ ครึ่งช้อนชา
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำทาร์ตไข่ ทำง่าย ๆ  สไตล์บ้าน ๆ

  1. ตั้งไฟอ่อนสำหรับทำไส้ทาร์ต ใช้เทคนิค Double Bolling เพื่อไม่ให้ไส้ทาร์ตโดนความร้อนโดยตรง ใส่ไข่ที่ตีแล้วลงไปในหม้อ และผสมกับน้ำตาล ระวังอย่างให้ไข่สุก
  2. เมื่อน้ำตาลละลาย ให้ใส่นมสด คนต่อไปจนส่วนผสมในหม้อเข้ากันดี จากนั้นในใส่วิปครีม กลิ่นวานิลลา เกลือ
  3. เมื่อคนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันดีแล้ว ให้นำไส้ที่ได้ออกมากรองโดยใช้กระชอนที่มีตาถี่ เพื่อให้ไส้ทาร์ตมีความเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. จากนั้นเทลงพิมพ์แป้งพายถ้วยในปริมาณที่พอดี
  5. อบด้วยอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 – 15 นาที

วิธีทำทาร์ตไข่ วิธีนี้ สามารถใช้ได้ทั้งเตาอบทั่วไป และเตาอบลมร้อน ซึ่งเราเชื่อว่าหลาย ๆ บ้านมีกันอยู่แล้ว นอกจากนี้หาใครที่อยากทำทาร์ตไข่ที่มีการเพิ่มไส้ผลไม้ต่าง ๆ เช่นกล้วย หรือเบอร์รีก็สามารถเพิ่มเข้าไปก่อนที่จะนำเข้าเตาอบได้เลย อย่างไรก็ตาม ทาร์ตไข่เป็นขนมที่อาจจะไม่มีสูตรตายตัวนัก ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงอาจจะมีสูตรเฉพาะของตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ