Categories
หน้าแรก

คอร์นเฟลกคาราเมล คาราเมลแท้ ๆ ของกินเล่นทำง่าย อร่อยด้วยตัวคุณเอง

ในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนาน ๆ หลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหากับการไม่มีอะไรทำ หรือว่าต้อง Work from Home การสร้างสรรค์เมนูกินเล่นที่ง่ายแสนง่ายก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหางานอดิเรกทำในยามว่าง หรือ จะทำเมนูของคาวของหวานกินเวลา ดูหนัง ดูซีรี่ย์ หรือจะเล่นเกมส์ ก็ฟินไปอีกแบบ วันนี้เราขอเสนอของกินเล่นที่ทำง่ายมากๆกับ คอร์นเฟลกคาราเมล นั่นเอง เรามาดูสูตรคอร์นเฟลกคาราเมล และวิธีทำคอร์นเฟลกน้ำผึ้งง่ายๆ จากคอร์นเฟลกธัญพืช ที่มีคุณประโยชน์เน้นๆ กันดีกว่า

วัตถุดิบในการทำคอร์นเฟลกคาราเมล

  • คอร์นเฟลก 300 กรัม
  • เมล็ดทานตะวัน 200 กรัม
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 200 กรัม
  • ลูกเกด 200 กรัม
  • อัลม่อน 150 กรัม

(วัตถุดิบต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ)

ส่วนผสมทำคาราเมล (หรือถ้าใครขี้เกียจทำคาราเมลเอง ใช้แบบสำเร็จรูปได้)

  • น้ำตาลทรายขาว 360 กรัม
  • น้ำเปล่า 80 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 80 กรัม
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เนย 60 กรัม
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ คอร์นเฟลกคาราเมล

  • นำ เมล็ดทานตะวัน เม็ดม่วงหิมพานต์ อัลม่อน และ ลูกเกด ไปใส่ถาดแล้วนำไปเข้าอบที่อุณหภูมิ 120 องศา ประมาณ 10-15 นาที ใช้ ไฟบน-ล่าง พัดลม เพื่อไล่ความชื้น
  • หลังจากนั้นทำคาราเมลด้วยการนำ น้ำเปล่า มาใส่น้ำตาล คนให้เข้ากันโดยที่ไม่ต้องตั้งไฟ (ถ้าเราเคี่ยวน้ำตาลตอนตั้งไฟจะทำให้น้ำตาลตกผลึกไม่เป็นคาราเมล) ใช้วิธีแกว่งเอา แต่อย่าแกว่งบ่อย

(เกร็ดความรู้ : ยิ่งคาราเมลเป็นสีเข้มเท่าไหร่ยิ่งมีความขมมากขึ้น ถ้าชอบแบบไหนให้คอยสังเกตดู)

  • พอน้ำต้มน้ำตาลเดือด ให้ใส่ วิปปิ้งครีม ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเติม เนย คนให้ละลาย พอทุกอย่างเข้ากันดูจนเป็นซอสแล้ว ให้เติม เบกกิ้งโซดา กลิ่นวนิลา และ เกลือ ลงไป คนให้เข้ากัน
  • นำคอร์นเฟลกสำเร็จรูป และ ธัญพืชที่อบไว้ก่อนหน้ามาเทใส่หม้ออีกใบ ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำซอสคาราเมลค่อย ๆ ใส่ลงไปแล้วคลุกให้เข้ากัน
  • หลังจากนั้นนำกระดาษไขมาปูบนถาด แล้วนำคอนเฟลกธัญพืชคาราเมลที่ทำไว้ลงมาใส่แล้วเกลี่ยให้ทั่ว แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 130-140 องศา เป็นเวลา 10 นาที 3 รอบ ใช้ไฟบน-ล่าง พัดลม ในแต่ละรอบให้นำออกมาพลิกคอนเฟลกทั้งหมดกลับด้าน เพื่อความร้อนที่ทั่วถึง เสร็จเรียบร้อยก็พร้อมทานได้ เก็บใส่โหลแก้วกินต่อได้อีกนาน

ส่วน คอร์นเฟลกน้ำผึ้ง วิธีการทำก็เหมือนกันเลย เพียงแค่ ไม่ต้องทำน้ำผึ้งเอง แต่ใช้ราดลงไปแล้วคลุกให้เข้ากันก่อนอบได้เลย เท่านี้เราก็จะได้ อาหารกินเล่นง่าย ๆ ไว้ทำกินเองในยามว่างแล้ว

Categories
หน้าแรก

ทาร์ตพิซซ่า เมนูขนมแสนอร่อยที่ไม่แพ้พิซซ่าถาด พร้อมเคล็ดลับและวิธีทำ

ทาร์ต เป็นขนมที่ผู้คนนิยมกันอย่างแพร่หลาย ประกอบไปด้วยไส้มากกว่าแป้งขนมอบ มีหลากหลายหน้าด้วยกัน ที่นิยมในบ้านเราจะเป็น ทาร์ตไข่, หน้าชีส, หน้าช็อกโกแลต, หน้าคัสตาร์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ ทาร์ตพิซซ่า ที่บอกเลยว่าความอร่อยนั้นไม่แพ้พิซซ่าถาดที่เรากินตามร้านกันเลย เป็น สูตรขนมทานง่าย ทำกินกันเองในบ้านกับครอบครัวดูหนังฟังเพลงกินทาร์ตเพลิน ๆ

ส่วนผสม ทาร์ตพิซซ่า

  • ปูอัด หรือ แฮม ไส้กรอก โบโลน่า เบคอน ใส่ตามใจชอบ
  • ผักรวมแช่แข็งหาซื้อได้ตามห้าง หรือจะเป็นผักสดก็ได้
  • ซอสพิซซ่า ยี่ห้อ คนอร์ หรือ ยี่ห้ออื่น
  • ซอสมะเขือเทศ ใครชอบมายองเนสใส่เพิ่มได้
  • มอสซาเรลลาชีส
  • ออริกาโน่
  • แป้งทาร์ตสำเร็จรูป หาได้ตาม ห้างสรรพสินค้าแมคโคร หรือ ร้านเบเกอรี่

วิธีทำทาร์ตพิซซ่า 

  • นำปูอัดมาหั่นเป็นชิ้น หรือลอกเป็นเส้น ๆ ก็ได้ตามสะดวก
  • นำผักรวม 3 สีแช่แข็ง ออกมาลวกน้ำ แล้วพักทิ้งไว้
  • นำซอสพิซซ่ามาผสมกับซอสมะเขือเทศ แล้วนำปูอัดและผักที่เตรียมไว้มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
  • นำแป้งทาร์ตสำเร็จรูปออกมาพักความเย็นไว้ 15-20 นาที หลังจากนั้นใช้มีด หรือส้อม ปาดเบา ๆ ให้เป็นรอย
  • นำฐานทาร์ตเข้าเตาอบ ใช้ไฟ 220 องศา ไฟล่างและไฟบน อบ 15-20 นาที
  • นำวัตถุดิบที่เตรียมไว้มาใส่ในฐานของทาร์ต
  • โปะด้วย มอสซาเรลลาชีส และ ออริกาโน่ ใครชอบมายองนีสก็บีบโรยหน้าเพิ่มได้
  • อบอีกครั้งด้วยไฟ 220 องศา ไฟล่างและบนเช่นเดิม ใช้เวลา 15-20 นาที หรือคอยดูแป้งทาร์ตว่าฟูได้ที่หรือยัง เสร็จแล้วก็พร้อมทานได้

เคล็ดลับในการทำทาร์ตพิซซ่า : ทาร์ตพิซซ่า ควรอบ 15-20 นาที ควรวอร์มเตาอบก่อนใช้งาน วางถ้วยทาร์ตไว้ชั้นล่างสุด ระยะเวลาที่ใช้อบอาจแตกต่างกันไปตามเตาอบที่ใช้ ควรมั่นสังเกตแป้งทาร์ตว่าฟูได้ที่หรือยัง และอย่าลืมปาดทาร์ตให้เป็นรอย เพื่อให้ทาร์ตที่ถูกอบไม่ฟูฟ่องจนเกินไปจนใส่ไส้ไม่ได้

ถ้าหากไม่อยากทำกินเอง เพราะเห็นว่ามันวุ่นวาย ทุกวันนี้ก็มีทาร์ตพิซซ่าขายราคา ถูกแพงแตกต่างกันไป อาจเริ่มต้นที่ 5 ชิ้น 50 บาท หรือ ชิ้นละ 50 บาทเลยก็มี ขึ้นอยู่กับวิธีการทำและวัตถุดิบของแต่ละร้าน

ก่อนจะจากกันไปเราอยากมาแนะนำ เค้กไข่ไต้หวัน สูตร Pimmy เป็นขนมเค้กที่ให้ความนุ่มฟูเด้งดึ๋งแสนอร่อย รับประทานคู่กับชา หรือ กาแฟ จะร้อนหรือเย็นก็ฟินสุด ๆ ไปดูสูตรและวิธีทำกันได้ที่ช่องยูทูป PIMMY TASTY www.youtube.com/c/PIMMYTASTY

Categories
หน้าแรก

เผยสูตร Italian macaron มาการอง สูตรแพงที่ฝึกทำกินเองได้ที่บ้าน

มาการอง ขนมหวานขึ้นชื่อจากประเทศฝรั่งเศส ของโปรดของใครหลาย ๆ คนที่พอได้ทานแล้วเป็นต้องบอกว่า อร่อย กันทุกราย ใครที่ชื่นชอบขนมเบเกอรี่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คุณอาจจะเคยกินเจ้า มาการอง ชิ้นเล็กน่ารักนี้ แต่คุณอาจจะยังไม่เคยทำกินเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงมาบอก สูตรทำ มาการอง แบบอิตาเลี่ยน สูตรของร้านดัง Pierre herme ซึ่งบอกไว้ก่อนว่ายี่ห้อนี่ซื้อทานเองแพงมาก

วิธีทำ มาการอง สูตร อิตาเลี่ยน

แบบในรายการ Masterchef Thailand เป็นสูตรดังของร้าน Pierre Herme เห็นว่ามาจากรายการชื่อดัง แต่บอกเลยว่าไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด วิธีทำมาการอง ง่าย ๆ สามารถทำกินเองได้สบาย ๆ สิ่งสำคัญในการทำ มาการอง คือ การ อบมากรองใช้ไฟ อ่อน สีจะได้ไม่เปลี่ยน ไม่ควรใช้ไฟแรง เพราะมาการอง จะแตก และ เป็นโพรง ไปดูส่วนผสม และวิธีทำกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม

– อัลมอนด์ป่นละเอียด 150 กรัม

– น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม

– ไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง 55 กรัม

– สีผสมอาหาร (ควรใช้สีฝุ่นหรือสีเจลเท่านั้น ไม่แนะนำสีน้ำเพราะจะเพิ่มความชื้นให้กับมาการอง)

ส่วนผสมที่ 2

– น้ำสะอาด 37 กรัม

– น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม

– ไข่ขาวส่วนที่สอง 55 กรัม

ไส้ช็อกโกแลตกานาช

– ดาร์กช็อกโกแลต (70%) 150 กรัม

– วิปครีม 150 กรัม

– กลิ่นรัม ½ ช้อนชา

วิธีทำ

– ร่อนอัลมอนด์กับน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน

– ผสมสีกับไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง แล้วเทลงในอ่างอัลมอนด์และน้ำตาลที่เตรียมไว้

– เทน้ำตาลและน้ำสะอาดลงในหม้อ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แต่ไม่อ่อนมากในการต้ม และไม่ต้องคน เมื่ออุณหภูมิได้ 112 องศา ให้เริ่มตีไข่ขาวส่วนที่ 2 ใช้ความเร็วสูงการตี

– จากนั้นไปต้มน้ำเชื่อมจนอุณหภูมิ 118 องศา ยกลงจากเตาแล้วนำน้ำเชื่อมไปตีรวมกับไข่ขาว ค่อย ๆ เทน้ำเชื่อมลงไปเป็นสาย อย่าเททีเดียวหมด น้ำตาลจะเป็นก้อน

– ตีจนได้เมอแรงค์ที่อุณหภูมิ 50 c แต่ต้องระวังอย่าตีแข็งจนเกินไป หรือ อ่อนเกินไป

– นำเมอแรงค์ไปผสมกับส่วนของอัลมอนด์ น้ำตาลไอซิ่ง และ ไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง ตะล่อมจนส่วนผสมเข้ากันดี หลังจากนั้นใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบกลม บีบใส่แผ่นรองอบ

– เสร็จแล้วกระแทกถาดแรง ๆ สัก 2-3 ครั้ง พักให้หน้าผิวแห้ง 20-30 นาที

– อบด้วยไฟบนล่างปิดพัดลม ใช้ไฟ 150 องศา นาน 20-30 นาที

– ทำไส้ช็อกโกแลตด้วยการนำวิปครีมเข้าไมโครเวฟ 1 นาที หรือใครจะต้มเอาก็ได้ เสร็จแล้วเทวิปครีมลงในช็อกโกแลต ใส่กลิ่นรัม แล้วคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นพักทิ้งไว้ให้ช็อกโกแลตเซตตัว

– บีบไส้กานาชใส่มาการองที่เตรียมไว้ ก็เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าหากอยากให้มาการองอร่อยขึ้น หลังจากบีบไส้แล้วควรเก็บไว้ 24 ชม. เพื่อให้มาการองอร่อยยิ่งขึ้น

บทสรุปสุดท้าย

ถ้าหากใครที่ไม่อยากทำกินเอง เราขอแนะนำร้านขนมหวานมาการอง ชลบุรี อร่อยๆ แนะนำ

– หลุยส์ เฟลิเป้ เซ็นทรัลชลบุรี

– Le Sable Coffee & Construction

อีกหนึ่งที่หน้าสนใจมาการอง บางแสน เผื่อใครแวะไปเล่นทะเลแถวนั้นก็ซื้อมาการองมากินอร่อย ๆ

– Macaron Bangsaen

– Macaron Factory by Whanyen

– Café Kantary

Categories
เค้ก

วิธีทำ เค้กชาเขียวลาวา สูตรชาเขียวเข้มข้น ลาวาเยิ้ม ๆ

ใครที่รู้ตัวว่าเป็นมัทฉะเลิฟเวอร์จะต้องปลาบปลื้มกับขนม เค้กชาเขียวลาวา ที่หยิบมาให้ลองทำกันวันนี้อย่างแน่นอน เพราะพระเอกของงานคือ ผงชาเขียวอันเข้มข้มนี่เอง นอกจากจะทำเครื่องดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบของขนมได้อีกด้วย ยิ่งสูตรเค้กชาเขียวลาวา เชฟนุ่น ต้องบอกว่าเป็นสูตรที่ทำออกมาแล้วได้เค้กรสชาติเข้มข้น ด้านในเป็นลาวาเยิ้ม ๆ ถ้าได้กินตอนร้อน ๆ แล้วฟินอย่าบอกใครเชียวล่ะ ส่วนวิธีการก็ทำง่ายไปอีก เพราะจบใน 3 สเตปเท่านั้น รีบไปเตรียมวัตถุดิบ และอุ่นเตารอกันเถอะ

 วัตถุดิบในการทำ เค้กชาเขียวลาวา

  1. ไวท์ช็อกโกแลต 70 กรัม
  2. เนยสดเค็ม 40 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 25 กรัม
  4. ไข่ไก่ (เบอร์1) 1 ฟอง 
  5. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
  6. ผงชาเขียว Maruzen 1 ช้อนโต๊ะ (ผงชาเขียวสำหรับเบเกอรี่)

วิธีการทำ 

  1. เค้กชาเขียวลาวาจะอร่อยได้ต้องมีส่วนผสมที่สำคัญอย่างไวท์ช็อกโกแลต และเนยเค็ม โดยการนำทั้งสองอย่างมาละลาย สามารถทำให้ละลายได้ทั้งการเข้าไมโครเวฟโดยใช้ไฟ 800 วัตต์ เวลา 30 วินาที ให้นำออกมาคนจนละลาย หรือจะนำไปตั้งบนเตาก็ได้เช่นกัน หากส่วนผสมทั้งสองละลายแล้วค่อย ๆ เติมเนย ลงไปในไวท์ช็อกโกแลตทำการคนไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าเป็นเนื้อเดียวกัน ให้พักใส่ถ้วยไว้
  2. ทำการตีไข่และน้ำตาลเข้าด้วยกัน ซึ่ง วิธีทำเค้กชาเขียวลาวา ไม่ให้หน้าแตกคือ ไม่ต้องตีส่วนผสมขั้นตอนนี้ให้ขึ้นฟู เพราะหากขึ้นฟูหน้าขนมจะแตกตอนอบ เมื่อส่วนผสมของไข่และน้ำตาลเข้ากันแล้ว ให้ใส่ไวท์ช็อกโกแลตกับเนยเค็มลงไป คนเล็กน้อย ต่อด้วยเติมแป้ง และผงชาเขียว คนให้เข้ากันกันอีกรอบ
  3. อุ่นเตาอบที่ไฟ 200 องศา เลือกไฟบนล่างแบบไม่เปิดพัดลม ต่อด้วยการหันไปเทส่วนผสมใส่ถ้วยฟอยล์อบขนม แนะนำว่าไม่ควรใส่จนล้นถ้วย เพราะตอนอบขนมจะขึ้นฟูอีก ให้ใส่ประมาณ 3 ส่วน 4 ของถ้วย เสร็จแล้วนำเข้าอบใช้เวลา 3-5 นาที สำหรับวิธีเช็คว่า ไส้ชาเขียวลาวา ได้ที่หรือไม่ ให้ใช้นิ้วกดลงไปตรงกลางเบา ๆ หากกดลงไปแล้วนิ่ม แสดงว่าเพอร์เฟกต์ สามารถนำเสิร์ฟได้เลย

สรุป

เค้กชาเขียวลาวา เข้มข้น หวานหอมเป็น สูตร เค้กชาเขียว ของเชฟนุ่น ที่บอกเคล็ดลับในการทำแบบไม่กั๊กว่า การเลือกผงชาเขียวถือว่าสำคัญไม่น้อย เพราะผงชาเขียวสำหรับใช้กับเบเกอรี่จะละลายง่ายกว่า สีสวยกว่า และไม่จับเป็นก้อน ทำให้ เค้กชาเขียว ออกมาได้รสชาติที่ลงตัว แต่ผงชาเขียวที่ใช้สำหรับทำเครื่องดื่มอาจจะต้องนำไปผสมน้ำร้อนก่อนเพื่อให้ละลายได้ง่ายขึ้น  หรือนำไปร่อนพร้อมแป้งก่อนนำลงไปผสมไข่และน้ำตาลนั้นเอง

Categories
เค้ก

วิธีทำแสนง่าย คัพเค้กนมสดฮอกไกโด ไส้ครีมนม หวาน ละมุน

คัพเค้กนมสดฮอกไกโด มีจุดเด่นคือ เนื้อเค้กที่ได้กินแล้วนุ่มละลายในปาก เป็นอีกหนึ่งใน คัพเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ที่หลายคนต้องติดใจจากการได้ลิ้มรสความอร่อยของ ฮอกไกโดคัพเค้ก ตัวนี้ด้วยส่วนผสมของนมทำให้หอม นุ่ม ละมุนลิ้น ส่วนด้านในของเค้กจะเป็นไส้ครีมฮอกไกโดที่หวาน หอม และเมนูนี้ทำง่ายต้องถูกใจเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ล้านเปอร์เซ็นต์ สำหรับคนไหนที่ไม่ชอบเค้กนม เชื่อเลยว่าหากได้ชิมเค้กตัวนี้จะต้องประทับใจ กินไม่หยุดอย่างแน่นอน 

ส่วนผสมแป้ง คัพเค้กนมสดฮอกไกโด

  1. ไข่แดง 45 กรัม 
  2. น้ำตาลทราย 30 กรัม
  3. น้ำมัน 30 กรัม
  4. นมสดจืด 45 กรัม 
  5. แป้งเค้ก 60 กรัม
  6. ไข่ขาว 135 กรัม 
  7. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  8. น้ำตาลทราย 75 กรัม 
  9. ครีมออฟทาร์ทาร์ ½ ช้อนชา  

ส่วนผสมครีม คัพเค้กนมสดฮอกไกโด

  1. แป้งเค้ก 1 ช้อนโต๊ะ
  2. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาลทราย 50 กรัม
  4. นมสดจืด 100 กรัม
  5. ไข่แดง 2 ฟอง
  6. เนย 16 กรัม
  7. กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา
  8. วิปปิ้งครีม 100 กรัม

ขั้นตอนการทำตัวแป้ง

  1. ผสมไข่แดง น้ำตาลให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมัน นมจืด และแป้งเค้ก ตีให้เข้ากันอีกครั้ง ทั้งนี้ หากเลือกใช้ นมฮอกไกโด แบบผง หรือ นมสดฮอกไกโด จะทำให้รสชาติของเนื้อคัพเค้กนั้นมีความหอม และนุ่มมากยิ่งขึ้น
  2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ ทยอยใส่น้ำตาลลงไป ตีจนตั้งยอด เคล็ดลับ วิธีทำคัพเค้กนมสดฮอกโด ไม่ให้ยุบตัวจะอยู่ที่การผสมไข่ขาวกับไข่แดง ขั้นตอนนี้จะต้องค่อย ๆ ผสมจนให้เป็นเนื้อเนียนสวย จากนั้นให้เทใส่ถ้วยพิมพ์เตรียมเข้าอบ
  3. เข้าอบด้วยไฟ 170 องศา ไฟบนล่าง ใช้เวลา 20-25 นาที เมื่อเค้กสุกให้พักไว้ก่อน

ขั้นตอนการทำไส้

  1. ผสมน้ำตาล ไข่แดง แป้งเค้ก แป้งข้าวโพด เข้าด้วยกัน
  2. ตั้งหม้อต้มนมจืด พอเริ่มเดือดให้ปิดไฟ แล้วเทนมครึ่งหนึ่งลงไปในส่วนผสมของไข่แดง คนให้เข้ากันแล้วให้เทกลับลงไปในหม้อ เคี่ยวต่อจนเป็นเนื้อครีมให้ปิดไฟ และใส่เนยลงไป พักไว้ก่อน
  3. ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด และนำวิปปิ้งครีมที่ได้ไปผสมกับเนื้อครีมที่พักไว้ เมื่อผสมเข้ากันแล้วให้นำครีมที่ได้ไปบีบใส่ในตัวคัพเค้กให้ครบจนหมด เท่านี้ก็จะได้ เค้กฮอกไกโดลาวา เยิ้มๆ กันแล้ว

สรุป

คัพเค้กนมสดฮอกไกโด วิธีการทำไม่ยุ่งยากเรียกได้ว่าง่ายเลยล่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร สำหรับคนไหนที่ไม่มีเวลาลงมือทำสามารถไปหาซื้อ หรือลิ้มลองความอร่อยของ เค้กฮอกไกโด เซเว่น กันได้ แถม คัพเค้กฮอกไกโด ราคา ในเซเว่นเบา ๆ เพียง 35 บาทเท่านั้น

Categories
หน้าแรก

เมนูยอดฮิต นมอบชีส ทำกินเองง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมนูยอดฮิต อย่าง นมอบชีส เนี่ย ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองมาได้สักระยะใหญ่แล้ว เพราะเป็น ของทานเล่นง่าย ๆ ที่ภายนอกดูน่ากินเอามาก ๆ แถมยังเป็นความหวานมันเค็มลงตัวด้วย นม ชีส แป้ง และ ไข่ ทำกินเองก็สะดวกสบาย ใช้เตาอบก็ได้ หรือ ไม่ใช้ก็ได้ มันจึงเป็นขนมที่เหมาะแก่การทำกินเองที่บ้าน หรือจะทำขาย ก็ได้ทั้งนั้น

นมอบชีส หรือ นมสดอบชีส มีวิธีการทำที่ง่ายแสนง่าย เราจึงมาบอก วิธีทำนมอบชีส พร้อมสูตรที่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยตามแบบฉบับจีน แบบนี้ไปดูส่วนผสมกันดีกว่าว่าต้องใช้อะไรบ้าง

ส่วนผสมในการทำ นมอบชีส

  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • แป้งข้าวโพด 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • นมสด 500 กรัม
  • เชดด้าชีส 1 แผ่น
  • ไข่แดง และ น้ำมะนาว สำหรับทาหน้าขนม

วิธีทำนมอบชีส

  • นำไข่แดง 2 ฟอง มาใส่ในกระทะ ตามด้วย แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย นมสด คนให้ผสมกันโดยที่ยังไม่ต้องเปิดเตา ทำให้แป้ง และ น้ำตาล ละลายให้หมด
  • พอละลายเข้ากันดี ให้ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แล้วคนส่วนผสมตลอดเวลา ห้ามหยุด
  • พอส่วนผสมเริ่มร้อนแล้ว ให้ใส่เชดด้าชีสลงไป คนให้ชีสละลายเข้ากันดี คนเรื่อย ๆ ห้ามหยุด ส่วนผสมจะข้นขึ้นเร็วมากต้องคอยระวังให้ดี คนจนให้ส่วนผสมข้นหนืดจนได้ที่ ปิดเตาแล้วยกลง
  • นำออกมาคนต่อให้เนื้อเนียน นำไปเทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมที่รองด้วยพลาสติกแรปอีกที (อาจใช้กล่องขนาด 11×16.5 ซม.) พอเทจนหมด ปิดหน้าด้วยถุงแกง หรือ พลาสติกแรป อีกทีให้แนบกับตัวเนื้อขนม ใช้การ์ดหรืออะไรเรียบ ๆ มารูดให้เนื้อขนมเรียบเนียน
  • นำแม่พิมพ์ที่บรรจุส่วนผสมไปวางไว้บนภาชนะที่ใส่น้ำเพื่อคลายความร้อน แล้ววางทิ้งไว้ 30 นาที
  • เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • เมื่อครบเวลาจนขนมเซตตัวดีแล้ว นำมาตัดเป็นท่อนตามต้องการ (เวลาตัดให้ใช้แรงกดลงไปตรง ๆ เพราะเนื้อขนมนิ่มมาก)
  • เตรียมถาดและกระดาษไขรองอบ นำขนมมาเรียงให้มีระยะห่างพอสมควร จากนั้นนำไข่แดง ที่ผสมมะนาวแล้วมาผสมให้เข้ากัน และทาให้ทั่วบริเวณหน้าขนม
  • นำเข้าเตาอบที่มีการวอมเตาไว้ก่อนแล้ว อบที่อุณหภูมิ 200 องศา ไฟบน-ล่าง ประมาณ 25 นาที ต่อด้วยไฟบนอย่างเดียวอีก 2-4 นาที เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สูตร นมอบชีส แบบฉบับจีน ที่มีการเติมน้ำตาลขึ้นมา 2 เท่า แต่ไม่ได้ทำให้ขนมหวานจนเกินไป แต่ถ้าหากใครไม่ชอบหวานมาก แต่ชอบรสชาติความมันแบบเดิมก็ลดน้ำตาลลงได้ ขนมนมอบชีส มีวิธีทำที่ง่าย และ วัตถุดิบที่ไม่เยอะ จะลองปรับนำไปวางบนขนมปังแล้วอบอีกทีก็ได้นะ น่ากินไปอีกแบบ แบบนี้แล้วไม่ลองทำกินเองได้ยังไง ไปลองทำกันเลยดีกว่า

Categories
เค้ก

เค้กไข่ใต้หวัน สูตรทำง่าย เนื้อเค้กนุ่ม เด้ง ดึ๋ง ดั๋ง

เค้ดไข่ใต้หวัน

เค้กไข่ใต้หวัน ขนมสุดฮิตที่มองไปแล้วแอบเหมือนขนมไข่ของบ้านเราเหมือนกัน ทว่าด้วยเทคนิค ขั้นตอนการทำ และส่วนผสมที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ทำให้เนื้อเค้กของขนมตัวนี้มีความนุ่มมากกว่า ทานเข้าไปแล้วเหมือนละลายในปากไปเลย ยิ่งได้เจอ เค้กไข่ใต้หวัน สูตร Pimmy ไปด้วยล่ะก็บอกเลยว่าปังมาก เพราะถือว่าเป็น วิธีทำเค้กง่าย ๆ ไม่ว่ามือใหม่หัดทำขนม หรือใครที่ชำนาญแล้วทำออกมาต้องได้เนื้อเค้กเด้ง ๆ ดึ๋ง ๆ อย่างแน่นอน

วิธีทำเค้กไข่ใต้หวัน

วัตถุดิบในการทำ เค้กไข่ใต้หวัน

  1. น้ำมันรำข้าว 50 มิลลิตร
  2. แป้งเค้ก 80 กรัม
  3. เกลือ  1/8 ช้อนชา 
  4. นมสด 80 มิลลิตร
  5. ไข่แดง (เบอร์ 0)  6 ฟอง
  6. ไข่ขาว (เบอร์ 0)  5 ฟอง 
  7. ครีมออฟทาร์ทาร์ ½ ช้อนชา 
  8. น้ำตาลไอซิ่ง 125 กรัม

วิธีการทำ 

  1. ก่อนลงมือทำเค้กไข่ใต้หวัน สูตรขนมทำง่าย เมนูนี้ ต้องทำการวอร์มเตากันก่อน เพราะหากเตาร้อนไม่ได้ที่ เวลาอบขนมจะออกมาไม่สวย ให้เปิดไฟบน – ล่าง เลือกอุณหภูมิที่ 150 องศา และเตรียมพิมพ์ขนาด 8x8x2 นำกระดาษไขมารองให้ล้นขอบพิมพ์
  2. เริ่มทำส่วนผสมเปียก โดยนำแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือมาผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช นมข้นจืด และไข่แดง ตีให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี และให้พักไว้ก่อน สำหรับเคล็ดลับ และ วิธีทำเค้กไข่ใต้หวัน ให้นุ่ม นิ่ม อร่อย ควรเลือกใช้ไข่สดเท่านั้น 
  3. ให้นำไข่ขาวไปตีด้วยความเร็วปานกลาง พอให้ไข่ขาวขึ้นเป็นฟองแล้วตามด้วยการใส่น้ำตาล ในขั้นตอนนี้ถ้าอยากให้เค้กออกมาสวย ต้องตีไข่ขาวให้ตั้งยอด จากนั้นค่อย ๆ ผสมไข่ขาวกับไข่แดงที่เตรียมไว้ ต้องใส่ทีละน้อย หรือใส่ประมาณ 1/3 ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทใส่พิมพ์ พร้อมเกลี่ยหน้าเค้กให้เรียบ
  4. นำเข้าอบเป็นเวลา 60 – 70 นาที ใช้ไฟ 150 – 160 องศา ในการอบสามารถเติมน้ำรองในถาดเตาอบได้ การอบแบบนี้จะทำให้เนื้อเค้กฉ่ำและไม่แห้ง เนื้อเค้กออกมามีความเด้งดึ๋ง เมื่อครบเวลานำออกจากเตา รอประมาณ 10 – 15 นาที ให้นำออกจากพิมพ์แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ พร้อมเสิร์ฟ

สรุป

หลังจากที่ได้รู้วิธีการทำเค้กไข่ใต้หวัน ไปแล้วบอกเลยว่าทั้งง่าย และวัตถุดิบไม่เยอะ แถมเมนูเค้กไข่ใต้หวัน ยังเป็น สูตรขนมทานง่าย จะเด็กเล็ก เด็กโต หรือผู้สูงอายุก็สามารถทานได้ เพราะมีส่วนผสมหลัก ๆ คือ ไข่ บวกกับเนื้อเค้กที่ละลายได้ง่าย ทำให้เป็นเค้กที่ทานได้ทั้งครอบครัวเลยล่ะ 

Categories
หน้าแรก

เอแคลร์ ขนมที่คนมักเข้าใจผิดกับชูครีม และความหอมหวานที่ลงตัวจากประเทศฝรั่งเศส

เอแคลร์ (Eclair) ชูครีม (Choux Cream) ต่างกันอย่างไร หลายคนยังไม่รู้ หลายคนยังแยกไม่ออก ซึ่งในบ้านเราก็เรียกผิดกันมาอย่างยาวนาน และทำผิดกันมาอย่างยาวนาน โดยการทำขนมชูครีมแต่ไปเรียกว่า เอแคลร์ พอนำออกมาขายก็ทำให้คนเข้าใจว่านี่คือ เอแคลร์ นะ เพราะฉะนั้นเพื่อให้คลายข้อสงสัย เรามาทำความรู้จัก ขนมสองชนิดนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า

ขนมทั้งสองชนิดล้วนเป็นขนมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศสด้วยกันทั้งคู่ ทำมาจากแป้งชนิดเดียวกัน คือ แป้งพายนิ่ม (Choux pastry) สิ่งที่แตกต่างกันของขนมสองอย่างนี้คือรูปทรง ชูครีม หรือ ชูช์ อา ลาเคร์ม (Choux a la Crème) คำว่า ชูช์ (Choux) ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง กะหล่ำปี ชูครีมจึงมีรูปร่างคล้ายกะหล่ำปีทรงกลม มีครีมสอดไส้อยู่ข้างในนั่นเอง ส่วน เอแคลร์ (Eclair) ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง สายฟ้า เอแคลร์ จึงมีรูปทรงยาว และมีความหลากหลายในการปรับแต่งขนมหวานชนิดนี้มากกว่าชูครีม เพราะมีทั้งแบบสอดไส้เหมือนชูครีม แบบราดด้านบน แบบผ่าแป้งตรงกลางและวางไส้ไว้เหมือนฮอทดอก

ขนมเอแคลร์ เป็นขนมที่หากินง่าย ไปที่ไหนก็เจอ เพราะเป็นขนมที่อร่อย หอมหวานอย่างลงตัว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ติดใจกันไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเอแคลร์ 7-11 ไปที่ไหนก็เจอเอแคลร์ การบินไทย ของร้าน Puff & Pie อร่อยได้ทุกครั้งก่อนขึ้นบิน และหลังบินเสร็จเอแคลร์ จือปาก อันนี้ก็แซ่บอย่าบอกใคร เจอได้ตาม Youtube แต่อันนี้กินไม่ได้นะ เอ๊ะ หรือกินได้หว่า… ? แต่เรื่องแซ่บคนนี้รับประกันแน่นอนจ้า ส่วนถ้าใครชอบขนมหวานและเค้กมากมาย ร้านเอแคลร์ ชลบุรี ก็เป็นอีกร้านชื่อดังประจำเมืองชลที่น่าไปลองสักครั้งนะ

เรามาดู สูตร และ วิธีการทำ เอแคลร์ ง่าย ๆ สำหรับไว้ทำกินเองที่บ้าน หรือจะทำขายก็ได้เช่นกัน

ส่วนผสมแป้ง Choux pastry

  • แป้งขนมปัง 125 กรัม
  • น้ำตาล 2 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • นม 100 มิลลิลิตร
  • น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
  • ไข่ 4 ฟอง
  • เนยเค็ม 125 กรัม

ส่วนผสมของครีมเอแคลร์

  • นม 400 กรัม
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
  • ไข่แดง 4 ฟอง
  • น้ำตาล 70 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 40 กรัม
  • เนยเค็ม 15 กรัม

ส่วนผสมสำหรับเคลือบหน้าด้วยช็อกโกแลต

  • ช็อกโกแลตก้อน 200 กรัม ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ (หรือถ้าชอบช็อกโกแลตยี่ห้อไหนเลือกใช้ได้ตามชอบ)
  • วิปปิ้งครีม 155 มิลลิลิตร

วิธีทำ

  • ทำไส้คัสตาร์ดครีม ต้มนมจนเดือดและตีไข่แดงกับน้ำตาลจนไข่มีสีอ่อนลง
  • ร่อนแป้งข้าวโพดลงไปแล้วตะล่อมให้เข้ากัน เติมนมที่ต้มจนเดือดครึ่งหนึ่งลงไปผสม คนจนเข้ากันเสร็จแล้วเทกลับลงหม้อต้มนม
  • ใช้ไฟต่ำ คนส่วนผสมจนข้นขึ้น แล้วปิดเตา เติมเนยและกลิ่นวนิลา คนจนเข้ากันอีกครั้ง แล้วนำไปพักในชาม จนเย็นสนิทดี
  • การทำแป้ง นำน้ำเปล่า นม และ เนยเค็มที่เตรียมไว้มาผสมกัน โดยที่ยังไม่เปิดไฟ หลังจากนั้นเปิดไฟ(กลาง) คนให้เข้ากันรอให้น้ำ/นม และ เนย ที่ต้มร้อนได้ที่
  • พอน้ำเดือดให้เติมแป้งขนมปัง น้ำตาล เกลือ และกลิ่นวนิลาเล็กน้อยเพื่อความหอมลงไป ยกขึ้นมาจากเตาปิดไฟ (เพื่อไล่ความชื้น) คนให้เข้ากันจนไม่มีแป้งสีขาว ๆ  แล้วค่อยนำกลับไปผัดต่อโดยการใช้ไฟกลางอีกเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 หรือจนกว่าจะมีแป้งติดเป็นฟิล์มบาง ๆ
  • หลังจากนั้นยกลงจากเตาแล้วเปลี่ยนหม้อเพื่อปรับอุณหภูมิให้ลดลง ใช้ไม้พายคนเพื่อให้คลายความร้อน แล้วใส่ไข่ลงไป คนให้เข้ากันจนแป้งหนืด
  • นำแป้งโดว์ที่เตรียมไว้บีบลงใส่ถาดเป็นเส้นยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร นำไปอบที่อุณหภูมิที่ 190 องศา เป็นเวลา 25 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง หลังจากอบเสร็จแล้วให้พักเตาก่อน แง้มเตาเพื่อปรับอุณหภูมิก่อนนำขนมออกจากเตาอบสัก 10 นาที ขนมจะได้ไม่แฟบ แล้วจึงนำมาพักต่อข้างนอก หลังจากนั้นเจาะรูขนมเพื่อบีบคัสตาร์ดเข้าไป
  • ทำหน้าเคลือบ ด้วย ช็อกโกแลตสับที่เตรียมไว้ นำมาใส่ถ้วย แล้วเติมวิปปิ้งครีมร้อน ๆ ลงไปในถ้วย คนจนเข้ากัน หรือจะนำ ช็อกโกแลตไปผัดจนละลายเป็นซอสก็ได้
  • พอได้ที่แล้วก็นำเอแคลร์ มาจุ่มเพื่อเคลือบด้านบนเอาไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

เกร็ดความรู้เล็กน้อยสำหรับการทำ : การใส่ไส้ต้องรอให้เปลือกเอแคลร์และไส้นั้นเย็นทั้งคู่ ถ้าเปลือกร้อนแต่ไส้เย็น จะทำให้เสียไว ถ้าเปลือกเย็น แต่ไส้ร้อน จะทำให้เปลือกแฉะและทำให้เอแคลร์เสียไวเช่นกัน

สรุป

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเอแคลร์ สูตร ที่เราแนะนำให้ไป บอกตรง ๆ เลยว่าทำได้ก็ทำขายได้เลยนะเอแคลร์ มี แคลอรี่ มากพอสมควร โดยมี แคลอรี่ ประมาณ 200-260 กิโลแคล ต่อ ปริมาณ 100 กรัม ขึ้นชื่อว่าขนมหวาน กินแล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกินกันด้วยนะทุกคน