Categories
เค้ก

เค้กดึงเงิน เค้กกินได้สายเปย์ต้องทำเลย

หากจะพูดถึงเค้กวันเกิดหรือเค้กไว้ทำเซอร์ไพรส์ให้กับคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นแฟน เป็นคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้อง ถือว่าเป็นของที่จะทำให้ผู้รับต้องยิ้มจนแก้มปริได้อย่างแน่นอนกับ เค้กดึงเงิน โดยจะให้มีการซ่อนเงินจำนวนหนึ่งไว้ในเค้ก ซึ่งหากเป็นเค้กวันเกิดก็ได้เซอร์ไพรส์ไปแล้วหนึ่ง ยังได้เจอเงินที่ซ่อนอยู่แล้วดึงออกมาเท่าไหร่ก็ไม่หมดแบบนี้ก็ยิ่งเซอร์ไพรส์กันยกใหญ่เลย   

เคล็ดลับของ เค้กดึงเงิน ที่ใช้ในการซ่อนเงิน

หากใครคิดจะทำเค้กดึงเงินก็จะต้องมีอุปกรณ์ตัวช่วยในการทำเค้กซ่อนเงินและจะช่วยให้สามารถที่จะเป็นเค้กแบบดึงเงินออกมาได้โดยที่จะไม่ทำให้เลอะเทอะอีกทั้งตัวเค้กก็ยังสามารถจะรับประทานได้จริง ๆ ซึ่งก่อนอื่นเมื่อหาอุปกรณ์ได้แล้ว ก็ให้นำธนบัตรตามที่ต้องการจะใช้ ใส่ในซองพลาสติก แล้วติดสก๊อตเทปต่อกันให้ยาวตามที่ต้องการ จากนั้นก็ม้วนแล้วใส่กล่องไว้ ที่ปลายไว้ดึงให้ติดกับป้าย หรือรูปภาพ ของตกแต่งเพื่อที่จะให้สามารถดึงออกมาได้

วิธีทำเค้กซ่อนเงิน ไว้เซอร์ไพรส์วันเกิด

สำหรับการทำเค้กดึงเงินก็จะเริ่มทำตัวเค้กก่อนซึ่งในที่นี้จะทำเป็นเค้กดึงเงิน 1 ปอนด์และตกแต่งด้วยวิปครีม เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้รู้ว่าซ่อนเงินไว้ โดนสามารถจะดูแบบรูปเค้กดึงเงินซึ่งมีแบบเค้กดึงเงินสวยๆ ให้นำมาดัดแปลงเป็นรูปแบบของตนเองได้

ส่วนผสม เค้กวันเกิด

  1. ไข่ไก่ เบอร์ 0    2 ฟอง
  2. น้ำตาลทรายขาว   80 กรัม
  3. แป้งเค้ก   90  กรัม
  4. เกลือป่น   1/4  ช้อนชา
  5. ผงฟู 1 ช้อนชา
  6. นมสดจืด   50   กรัม
  7. น้ำมันรำข้าว   40 กรัม
  8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

ส่วนผสม ครีมสำหรับแต่ง

  • วิปปิ้งครีม 150 กรัม

วิธีทำเค้กวันเกิดเค้กดึงเงิน

  1. ให้นำไข่และน้ำตาลทราย ตีผสมให้ขึ้นฟู ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
  2. จากนั้นร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ ผสมให้เข้ากัน
  3. จากนั้นผสมน้ำมันรำข้าว นมสดจืด และกลิ่นวานิลลา
  4. ร่อนแป้งใส่ลงในโถตีไข่ แบ่งเป็น 2 รอบ
  5. ทำส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเนียนดี ไม่มีฟองอากาศ
  6. เทลงพิมพ์กรุกระดาษไข
  7. ใช้พิมพ์ 1 ปอนด์กรุกระดาษไข เทส่วนผสมลงไป
  8. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศา ประมาณ 30 นาที
  9. จากนั้นให้นำออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็นก่อน
  10. จากนั้นทำการวัดขนาดกล่องซ่อนเงินที่จะนำให่ไปในเนื้อเค้ก แล้วคว้านเอาเนื้อเค้กส่วนนั้น
  11. นำกล่องเงินลงไป จากนั้นให้มาตีวิปครีมให้ขึ้นฟู แบ่งเป็น 2 ส่วน
  12. ส่วนแรกจะใช้ปาดหน้าเค้กเพื่อปิดไม่ให้เห็นกล่องเงิน ส่วนที่สองจะใช้ในการตกแต่ง
  13. จากนั้นตกแต่งได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะวางช็อกโกแลตแท่ง หรือจัดวางผลไม้เช่นสตรอว์เบอรี่ หรือเขียนหน้าเค้ก
  14. เท่านี้ก็พร้อมที่จะทำเซอร์ไพรส์ด้วยเค้กดึงเงินได้แล้ว

สายเปย์ดูวิธีทำเค้กดึงเงินแล้วก็คงต้องบอกเลยว่าไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ จะสั่งทำก็ไม่แพงไม่ต้องกังวลว่าเค้กดึงเงินราคาเท่าไหร่ เพราะต้นทุนการทำก็เหมือนทำเค้กวันเกิดทั่วไป หรือจะสั่งทำก็เป็นที่ร้านเค้กดึงเงินนนทบุรี หรือตามจังหวัดอื่น ๆ ก็สามารถจะสั่งทำได้เช่นกัน

Categories
เค้ก

เค้กขวดเหล้า สไตล์คอขม เอาใจสายดื่ม

เค้กขวดเหล้า แค่ฟังดูก็คงจะนึกภาพไม่ชัดเจนเท่าไหร่และอีกอย่างก็เป็นรูปแบบของเค้กวันเกิดสำหรับผู้ใหญ่มากกว่า โดยรูปแบบของการแต่งหน้าเค้กก็จะมีขวดเหล้า จะเลือกเป็นขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ได้ตามความต้องการ ถ้าเลือกเป็นขวดขนาดเล็กก็อาจจะแต่งเฉพาะแค่บนหน้าเค้ก โดยการจัดวางให้สวยงาม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยการเขียนหน้าเค้ก ขนม หรือจะเป็นวิปครีมและผลไม้ก็ได้

เค้กขวดเหล้า ตกแต่งตามสไตล์ไม่มีจำกัด

การทำเค้กขวดเหล้าจริงแล้วก็สามารถจะทำได้หลายรูปแบบ อีกทั้งตัวเค้กก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นแบบไหน หรือเลือกตามที่ชอบ สำคัญอยู่ที่การแต่งเค้กขวดเหล้าจะเป็นเค้กใส่ขวดเหล้าซึ่งจะเป็นเค้กขวดเหล้าจริง ก็เลือกได้เลยว่าจะเป็นเหล้าอะไร แบบไหน แบบกลมหรือจะเป็นขวดแบน เรียกได้ว่าตัดเค้กแล้วก็ฉลองกันต่อเลย ไม่ต้องเสียเวลาต้องออกไปซื้ออีก

ชวนมาทำเค้กหน้าขวดเหล้าขาว ขวดเบียร์แบบง่าย ๆ

จริง ๆ แล้วการทำตัวเค้กก็จะมีสูตรการทำที่ไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าชอบรสชาติไหน แต่ส่วนที่สำคัญของเค้กขวดเหล้า ก็ต้องเป็นขวดเหล้าที่จะใช้แต่งหน้าเค้กหรือจะเป็นขวดเบียร์สำหรับเค้กวันเกิดขวดเบียร์หรือเค้กขวดเบียร์ช้าง ทีนี้ก็ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกัน

ส่วนผสม ตัวเค้กวานิลลา

  1. เนยจืดละลาย  1 ถ้วย
  2. น้ำตาลทรายขาว   1+1/2 ถ้วย
  3. ไข่ไก่เบอร์ 0   4 ฟอง
  4. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
  5. แป้งเค้ก   2+3/4  ถ้วย
  6. ผงฟู   2   ช้อนชา
  7. เกลือ    1/2   ช้อนชา
  8. นมสดรสจืด 1   ถ้วย

ส่วนผสม ครีมสด

  1. เนยจืดละลาย 1+1/2 ถ้วย
  2. น้ำตาลไอซิ่ง    5    ถ้วย
  3. กลิ่นวานิลลา   1 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  5. เฮฟวี่ครีม   3  ช้อนโต๊ะ

วิธีทำเค้กขวดเหล้า

  1. เปิดเตาอบความร้อนที่ 350 องศา และทาเนยที่พิมพ์เค้กจำนวน 2 อัน และปูกระดาษรองอบ
  2. จากนั้นผสมเนยกับน้ำตาลทรายตีจนขึ้นฟู และให้ใส่ใส่ไข่ไก่ทีละฟองตีให้เข้ากันดี เติมกลิ่นวานิลาและตีอีกครั้ง
  3. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือลงไปและตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากันดี
  4. เทแป้งลงไปในพิมพ์เค้กทั้ง 2 อัน นำไปอบประมาณ 25 นาที
  5. นำออกมาพักไว้แล้วนำออกจากพิมพ์
  6. ขั้นตอนการทำครีม ตีเนยและน้ำตาลไอซิ่งให้ขึ้นฟู จากนั้นใส่กลิ่นวานิลลาและเกลือลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำและใส่เฮฟวี่ครีม 3 ช้อนโต๊ะตีส่วนผสมให้ตั้งยอดดี
  7. จากนั้นนำเค้กชิ้นแรกปาดครีมและประกบด้วยเค้กชิ้นที่สองแล้วปาดครีมอีกครั้ง ตกแต่งลวดลายได้ตามชอบ
  8. นำขวดเบียร์มาทาบบนเค้ก เพื่อจะนำเนื้อเค้กส่วนนั้นออกให้พอดีกับขวด จากนั้นนำขวดวางลงในเนื้อเค้ก และตกแต่งได้ตามต้องการ เท่านี้ก็พร้อมจะเสิร์ฟได้แล้ว

เค้กขวดเหล้า จะเป็นเค้กที่เหมาะกับงานวันเกิดสำหรับกลุ่มคนที่ทำงานออฟฟิศ กลุ่มเพื่อนร่วมงานมากกว่าที่จะใช้ในกลุ่มครอบครัว ซึ่งสามารถจะสั่งทำได้ตามร้านเบเกอรี่ หรือจะทำเองก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใช้จินตนาการล้วน ๆ

Categories
เค้ก

เค้กชาไทย รสชาติไทย ๆ ทั้งหอมทั้งอร่อย

หากจะพูดถึงเมนู เค้กชาไทย ก็จะเป็นที่รู้กันเลยว่าเป็นรสชาติของคนไทยจริง ๆ สำหรับคนที่ชอบกลิ่นชา และก็มีร้านเบเกอรี่ที่นำชาไทยมาเป็นส่วนผสมของเนื้อเค้ก ที่จะไม่หวานมากเกินไป สำหรับคอกาแฟ หากมีเค้กรสชาติชาไทยหอม ๆ ด้วยแล้วรับรองว่าจะติดใจ เพราะรสชาติชาไทยบวกกับความหอมจากชาไทยแท้ ๆ อีกทั้งไม่หวานมากเรียกได้ว่าจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีเลย

เค้กชาไทยสูตรทำง่าย ทำขายก็ได้กำไร

สำหรับหลายคนก็อาจจะชอบให้มีรสสัมผัสของชาไทยเพิ่มขึ้นก็อาจจะทำเป็นเค้กชาไทย ง่ายๆ หรือจะเป็นเค้กชาไทยลาวา หรืออย่างง่ายที่สุดก็จะเป็นคัพเค้กชาไทย ซึ่งจะเป็นขนมที่ทำง่ายเด็ก ๆ ก็ชอบ ทำขายก็สร้างรายได้ดีเลยอีกทั้งเป็นขนมที่ปู่ย่าตายายก็รับประทานได้ง่ายกว่าขนมเค้กชาไทยวันเกิดแบบที่มีครีมหรือมีความหวานมากเกินไป

การทำคัพ เค้กชาไทย อย่างง่าย ไม่มีเครื่องอบก็ทำได้

นอกจากเค้กชาไทย ที่มีหน้าตาการตกแต่งให้ดูน่ารับประทนแล้ว ยังมีคัพเค้กชาไทย ซึ่งจะใช้วิธีการนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเครื่องอบเรียกว่าเป็นเค้กชาไทยตรามือที่ทำได้ง่ายมาก ๆ  ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์มีไม่ครบ ไปดูกันเลยค่ะว่าจะมีส่วนผสมอะไรบ้าง

ส่วนผสม

  1. ผงชาตรามือ 2 ช้อนโต๊ะ มีขายตามร้านค้าหาซื้อง่าย
  2. ใช้น้ำร้อน 60 มิลลิลิตร
  3. แป้งเค้กเนื้อละเอียด 60 กรัม
  4. แป้งสาลี  60 กรัม
  5. ไข่ไก่เบอร์ 1   1 ฟอง
  6. เบคกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  7. น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม
  8. ผงฟู   1+1/2   ช้อนชา
  9. นมสดจืด  30  มิลลิลิตร
  10. น้ำมันรำข้าว  20  มิลลิลิตร

วิธีทำ

  1. ก่อนอื่นให้ทำการชงชาไทยโดยการแช่ผงชาในน้ำร้อน 15 นาที
  2. นำไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมสดและน้ำมันพืช ผสมในชามแล้วตีให้น้ำตาลละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
  3. เติมน้ำชาไทยลงไปผสม คนให้เข้ากันดี
  4. จากนั่นให้ร่อนแป้งสาลี แป้งเค้ก ผงฟูและเบคกิ้งโซดา เคล้าให้เข้ากัน
  5. จากนั้นนำส่วนผสมของชาไทยค่อย ๆ เทใส่แป้ง แล้วคนจนเป็นเนื้อเนียน
  6. พักแป้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 30-40 นาที
  7. เมื่อครบตามเวลา ให้นำมาคนเพื่อไล่ฟองอากาศ
  8. จากนั้นเทใส่พิมพ์ขนมถ้วยให้ห่างจากขอบถ้วยประมาณ 0.5 เซนติเมตร
  9. นำไปนึ่งด้วยน้ำเดือด ใช้เวลาประมาณ  20 นาที จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟได้เลย

จะเห็นว่าการทำขนมเค้กในแบบต่าง ๆ หรือเค้กชาไทย จะมีวิธีทำที่คล้ายกัน แต่ถ้าอยากจะรับประทานเค้กย่างง่าย ๆ ใช้ขั้นตอนน้อยขอแนะนำเป็นคัพเค้กชาไทยซึ่งจะทำขายก็ได้ รับรองลูกค้าติดอกติดใจแน่นอนค่ะ

Categories
เค้ก

เค้กทุเรียน สูตรเอาใจสายหวานทำเองได้ง่าย ๆ

พอถึงช่วงฤดูร้อน บรรดาสายหวานก็คงจะอดนึกถึงผลไม้ประจำฤดูอย่างทุเรียนไม่ได้แน่ ๆ และร้านขนม หรือร้านเบเกอรี่ก็คงจะต้องนำมาเป็นส่วนผสมหรือนำมาดัดแปลงให้รับประทานได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่คิดว่าทุเรียนจะมีกลิ่นรุนแรงไปสักนิดกับ เค้กทุเรียน สามารถจะนำไปเป็นเค้กวันเกิดก็ได้ ไว้ทานเล่นกับกาแฟรสชาติก็จะกลมกล่อมไม่หวานเกินไป หรือบางคนก็จะนำไปดัดแปลงเป็นขนมรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกด้วย

การเตรียมวัตถุดิบในการทำเค้กทุเรียน

สำหรับการทำเค้กทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นการทำชีสเค้กทุเรียน pantip, เค้กทุเรียนหน้านิ่ม หรือแบบอื่น ๆ จะต้องรู้จักกับการทำซอสทุเรียน ซึ่งจะนำไปเป็นองค์ประกอบของเค้กหรือในสูตร ทุเรียนชีสพายได้ โดยเฉพาะใช้แต่งหน้าเค้ก หรือจะเป็นซอสไว้ราดบนเค้กอย่างง่ายและตกแต่งด้วยเนื้อทุเรียนกลิ่นเย้ายวล ก็น่าจะถูกใจคนชอบทุเรียนเป็นอย่างมากเลย โดยจะไปดูวิธีทำซอสทุเรียนกัน

ส่วนผสมของซอสทุเรียน

  1. เนื้อทุเรียนหมอนทองสุกกำลังดี 200 กรัม
  2. กะทิกล่อง 150 กรัม
  3. นมสดจืด 150 กรัม
  4. แป้งกวนไส้ 50 กรัม
  5. น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม (ไม่ใส่ได้หากทุเรียนมีความหวานมากพอแล้ว)
  6. แป้งข้าวโพด 20 กรัม
  7. เกลือป่น 1/4  ช้อนชา

ซอสทุเรียนวิธีทํา

สำหรับวิธีทำซอสทุเรียน หรือครีมทุเรียนเพื่อไว้ใช้ปาดหน้าหรือใช้แต่งหน้าเค้กทุเรียน โดยเริ่มต้นการทำได้ดังนี้

  1. นำส่วนผสมเนื้อทุเรียน กะทิ และนมสด 100 กรัมโถปั่น เกลือป่น น้ำตาลไม่ใส่ก็ได้หากทุเรียนมีความหวานเพียงพอแล้ว แล้วปั่นให้ละเอียดหากชอบเนื้อครีมเนียน ๆ ก็เพิ่มระยะเวลาการปั่นให้นานขึ้นจะยิ่งทำให้เนื้อซอสเนียนและข้นขึ้น
  2. จากนั้นนำใส่หม้อตั้งไฟอ่อน ให้ผสมแป้งกวนไส้กับนมสด 50กรัม คนให้ละลาย แล้วใส่ไปกวนต่อไม่ต้องให้เดือด เมื่อซอสทุเรียนร้อนได้ที่ให้ยกลงพักไว้ให้เย็น

วิธีทำ เค้กทุเรียน หน้านิ่ม ทำง่าย กินให้ฟิน ๆ

การทำขนมเค้กสิ่งสำคัญที่สุดของสูตรความอร่อย และหน้าตาของเค้กทุเรียนที่จะออกมาสวยน่ารับประทานได้อย่างใจ ก็คือการชั่งตวงวัตถุดิบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเค้กทุเรียนชีสสดหรือชีสเค้กทุเรียนหน้าไหม้

ส่วนผสมเนื้อเค้กทุเรียน

  1. เนื้อทุเรียนหมอนทองสุก  1 ถ้วย
  2. เนยละลาย 1 ถ้วย
  3. ไข่ไก่เบอร์ 1  3 ฟอง
  4. แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
  5. นมสดจืด 2 ช้อนโต๊ะ
  6. น้ำตาลทรายขาว   3/4  ถ้วย
  7. ผงฟู 1/8 ช้อนชา
  8. เบกกิ้งโซดา 1/4   ช้อนชา

วิธีทำ

  1. ก่อนอื่นก็เปิดเตาอบอุณหภูมิที่ 170 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์สำหรับจะอบตามขนาดที่ต้องการ
  2. จากนั้นมาผสมเนยละลายและน้ำตาลทราย ตีให้เข้ากันดีจนเป็นครีม
  3. ใส่ไข่แดงลงไปทีละฟอง แล้วตีให้เข้ากันดี
  4. จากนั้นใส่เนื้อทุเรียนและนมตีส่วนผสมให้เข้ากัน
  5. ร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาค่อย ๆ ใส่ลงในชามผสมแล้วตีจนเข้ากันและเป็นเนื้อเดียว
  6. จากนั้นเทแป้งเค้กที่มีเนื้อเนียนแล้วลงในพิมพ์ และนำเข้าอบอุณหภูมิที่ 170 องศาเซลเซียส ให้ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที แล้วจึงนำออกมาพักไว้
  7. ตกแต่งหน้าเค้กด้วยซอสทุเรียนที่เตรียมไว้
  8. เพิ่มความฟินด้วยเนื้อทุเรียนหมอนทองสุกหั่นชิ้น แล้วนำเข้าตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พร้อมเสิร์ฟได้เลย

เค้กทุเรียน สูตรนี้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ จะอบในถ้วยพิมพ์ขนาดเล็กก็ได้ ง่ายต่อการเก็บ หรือจะทำขายก็สร้างรายได้ในช่วงเวลาว่าง ๆ อีกทั้งซอสทุเรียนหรือครีมทุเรียนก็ทำง่าย เพิ่มการตกแต่งด้วยเนื้อทุเรียนได้ตามชอบเลย

Categories
เค้ก

ชีสเค้กญี่ปุ่น กับเคล็ดลับแสนอร่อยใคร ๆ ก็ทำได้

ชีสเค้กญี่ปุ่น คือ จะเป็นเค้กที่มีจุดเด่นตรงที่เค้กมีเนื้อเนียนนุ่ม ฟูเด้ง สามารถที่จะนำมาดัดแปลงได้หลายรสชาติ และยังนำไปตกแต่งหน้าเค้กได้หลายรูปแบบ ยังเป็นเค้กที่หลาย ๆ คนชอบโดยเฉพาะกับการรับประทานกับกาแฟยามเช้า หรือช่วงเวลาเบรก เรียกว่าก็ฟินกันไปตาม ๆ กัน อีกทั้งยังเป็นเค้กที่ทำง่าย วัตถุดิบไม่เยอะมาก เพียงแต่จะต้องมีความใส่ใจ ไม่เช่นนั้นเนื้อเค้กก็อาจจะไม่เด้งฟู

ส่วนผสมสำหรับการทำ ชีสเค้กญี่ปุ่น

ต้องบอกก่อนนะคะว่าการทำขนมสิ่งสำคัญมาก ก็คือจะต้องใจเย็น การเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ จะต้องมีการชั่งตามสัดส่วนให้ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นเคล็ดลับข้อแรกที่จะทำให้ชีสเค้กญี่ปุ่นไม่ว่าจะสูตรไหนก็อร่อย จะเป็นชีสเค้กละลายในปากแถมหน้าตาจะออกมาดูดีอย่างที่ต้องการและจะเป็นชีสเค้กญี่ปุ่นสูตรไม่ยุบหรือจะทำเป็นชีสเค้กญี่ปุ่น ฮอกไกโดก็ยังได้ถ้าทำตามเคล็ดลับที่เราเสนอไป

ส่วนผสม

  1. ครีมชีส 200 กรัม ยี่ห้อตามชอบ
  2. น้ำตาลทรายขาว 80 กรัม
  3. ไข่ไก่เบอร์ 1  2 ฟอง
  4. ครีมสด  100  กรัม
  5. น้ำมะนาวสด 1 ช้อนโต๊ะ
  6. แป้งเค้ก  2  ช้อนโต๊ะ

เคล็ดลับ

  • การตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย จะต้องค่อย ๆ เพื่อไม่ให้มีฟองอากาศน้อยที่สุด เนื้อจะละเอียดและดูแน่น
  • ครีมชีสถ้าต้องการเนื้อเนียนให้ใช้เครื่องปั่น ก็จะได้ครีมชีสที่มีเนื้อเนียนน่ารับประทานสุด ๆ
  • ให้ใช้แผ่นรองกรุที่ด้านข้างพิมพ์ให้สูงขึ้นจากตัวพิมพ์ประมาณ 1 เซนติเมตร จะทำให้ตัวเค้กฟูขึ้นได้งพอดีขอบพิมพ์

สูตรชีสเค้กอร่อยมากกับวิธีทำแสนง่ายH3

จากเคล็ดลับการเตรียมวัตถุดิบชีสเค้กญี่ปุ่น ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยาก และก็สามารถจะทำได้ทุกคนนอกจากนี้หากใครชอบชีสเค้กหน้าไหม้ก็ยังมีวิธีการอบโดยการปรับอุณหภูมิเตาให้สูงขึ้นที่ 190 องศา ซึ่งก็จะทำให้รสชาติชีสเค้กหน้าไหม้จะมีรสขมแบบจาง ๆ ช่วยตัดหวานได้เป็นอย่างดี สำหรับคนที่ชอบรับประทานกับกาแฟถือว่ากำลังพอดีเลย

วิธีทำ

  1. ก่อนอื่นก็เริ่มตีน้ำตาลกับครีมชีสให้เข้ากันจนเนื้อเนียนดี จากนั่นใส่ไข่ที่เตรียมไว้คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  2. ใส่ครีมสดลงไปผสมค่อย ๆ ตีต่อให้เข้ากัน ให้เนื้อเนียนแล้วใส่น้ำมะนาวลงคนให้เข้ากัน
  3. ร่อนแป้งเค้กใส่ตามลงไป แล้วคนผสมให้เนื้อเนียนพยายามอย่าให้มีฟองอากาศ
  4. เทลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ ไล่ฟองอากาศออกให้หมด พออบออกมาแล้วเนื้อเค้กจะเด้งดี
  5. จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศา แล้วใหใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที
  6. จากนั้นก็นำออกมาวางพักไว้ พร้อมรับประทานได้เลย

เห็นไหมล่ะคะ ว่าเป็นชีสเค้กญี่ปุ่นที่ทำง่ายแสนง่าย เคล็ดลับของความอร่อยก็อยู่ตรงที่จะต้องมีการชั่งวัตถุดิบให้เป๊ะ และจะต้องรู้จุดเด่นของความอร่อย เท่านี้ก็จะได้ขนมเค้กไว้รับประทานระหว่างวันได้แล้ว