Categories
ขนมคลีน

ขนมคลีนแบบไทย ๆ กับ มันทิพย์

https://www.pim.in.th/thai-dessert/1048-grilled-sweet-potato

มันถือเป็นพืชที่เอามาทำได้ทั้งคาวและหวาน แต่มีหนึ่งเมนูที่เชื่อว่าใคร ๆ ก็ชอบและถือเป็นของว่างทานกันเพลิน ๆ ได้เลย เพราะจัดอยู่ในประเภทของขนมคลีนนั่นก็คือ มันทิพย์ แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่าเมนูนี้สามารถทำทานเองง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ส่วนขั้นตอนและวิธีการจะทำอย่างไรบ้างมาเริ่มทำมันทิพย์คลีน ไม่ใส่กะทิด้วยตัวเองกันเลยดีกว่า

https://cookpad.com/th/recipes/11162591-มันทิพย์-grilled-yam

วัตถุดิบมันทิพย์คลีน

มันนึ่ง                            300-400           กรัม

นมถั่วไม่มีน้ำตาล            150                  กรัม

เกลือ                             ½                     ช้อนชา

ผงฟู                              1                      ช้อนชา

ข้าวโพดหวานสุก            200-250           กรัม

ในส่วนของความหวานนั้นคุณสามารถเติมสารให้ความหวานหรือหญ้าหวานได้ตามที่ชอบ

วิธีทำมันทิพย์คลีน

1. บดมันที่นึ่งแล้วด้วยการใช้มือ ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องปั่น

2. ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันโดยใช้มือนวด

3. เมื่อทุกส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ทำการพักไว้เพื่อให้ส่วนผสมเซ็ทตัวใช้เวลาประมาณ 20 นาที

4. เมื่อส่วนผสมได้ที่ให้ทำการปั้นเป็นก้อนกลม ในส่วนนี้เน้นให้มีความแน่น

5. ปิ้งหรืออบหรืออาจใช้หม้ออบลมร้อนให้กลายเป็นมันทิพย์คลีนหม้ออบลมร้อนก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน สังเกตจนจนด้านนอกสุกมีความกรอบหน่อย ๆ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 20 นาที

https://www.youtube.com/watch?v=4ieVKvaeT4c

ถ้าจะถามว่าแล้วขนมคลีนอย่างมันทิพย์คลีนนั้นจะเป็นมันทิพย์กี่แคลคำตอบก็คือประมาณ 130 กิโลแคลอรี่นั่นเอง ซึ่งถือว่าน้อยมากใช้ชีวิตประจำวันปกติก็สามารถเผาพลาญได้สบาย ๆ อย่างแน่นอน ถ้าตอนนี้คุณกำลังมองหาขนมคลีนอร่อย ๆ ที่ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ควรพลาดเมนูนี้เด็ดขาด

Categories
ขนมคลีน

สุขภาพดีไปกับขนมคลีนอย่าง โยเกิร์ต

https://mthai.com/health/44988.html

สำหรับโยเกิร์ตนั้นต้องยกให้เป็นขนมคลีนที่มาพร้อมประโยชน์มากมายที่แม้จะเลือกเป็นโยเกิร์ตคลีนก็ยังมีโพรไบโอติกส์ที่ช่วยเพิ่มความสมดุลให้ระบบทางเดินอาหารมากมาย โดยเมนูนี้คุณสามารถปรับรูปแบบการกินได้หลากหลาย กินโยเกิร์ตแทนข้าวเช้าหรือจะเลือกเป็นเมนู โยเกิร์ต มื้อเย็นก็ได้ตามที่ต้องการ วันนี้เราได้หาสูตรโยเกิร์ตคลีน ที่น่าจะเหมาะกับทุกคนมากที่สุดมาฝากกัน

https://health.mthai.com/howto/health-care/23588.html

วัตถุดิบในการทำสลัดโยเกิร์ตคลีน

กรีกโยเกิร์ต                     200      กรัม

สัปปะรด                        50        กรัม

แอปเปิ้ลเขียว                  ครึ่งลูก

บลูเบอร์รี่                       50        กรัม

สตรอว์เบอร์รี่                  100      กรัม

ส้ม                                ครึ่งลูก

วิธีทำสลัดโยเกิร์ตคลีน

1. เตรียมทำการล้างและหั่นผลไม้เตรียมเอาไว้

2. นำผลไม้ที่เตรียมไว้และกรีกโยเกิร์ตมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน

3. เพิ่มเติม Superfood อื่น ๆ เข้ามาในจานได้ตามที่ต้องการเช่น ถั่ว ลูกเกด เป็นต้น

4. พร้อมเสิร์ฟมอบประโยชน์ให้กับคุณตามแบบฉบับของโยเกิร์ตลดความอ้วนกันแล้ว

https://www.ifit4health.com/2015/12/04/เมนูอาหารคลีนของหวานมี/โยเกิร์ต/

มีหลายคนอาจถามกันว่า โยเกิร์ต 0Fat อ้วนไหม ต้องขอบอกเลยว่าอ้วนน้อยจนแทบไม่อ้วนเลย ยิ่งถ้าคุณทานคู่กับของมีประโยชน์อย่างผักผลไม้พร้อมกับการออกกำลังกายจะทำให้หุ่นดีจากภายในสู่ภายนอก และยังเสริมสุขภาพด้านอื่น ๆ อีกด้วย

ขอยกให้โยเกิร์ตคลีนเป็นเมนูอันดับต้น ๆ ที่คนสายคลีนคนทำกินกันบ่อย ๆ เพราะปรับรูปแบบเพิ่มท็อปปิ้งหรือผลไม้ได้หลากหลาย ทำง่าย ประหยัดเวลา ได้เพิ่มความสมดุลให้ร่างกาย ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถโกยประโยชน์จากเมนูนี้กันได้ทั้งนั้น

Categories
ขนมไทย

สาคู ขนมไทยที่ทำง่ายกว่าที่คิด

https://www.pintosiam.com/product/dtd07/

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของเมนูขนมไทยอย่าง สาคู กันแน่นอน แต่เชื่อว่าหลายคนไม่ทราบว่าขนมไทยชนิดนี้สามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด วันนี้เราจะพาคุณเข้าครัวทำขนมชนิดนี้ไปพร้อมกัน บอกเลยว่าไม่ยุ่งยากแถมคุณจะกลายเป็นเซียนของเมนูของหวานไทยโบราณจนอาจกลายเป็นอาชีพเสริมของคุณกันได้เลยทีเดียว

https://www.pinterest.com/pin/755338168730991840

วัตถุดิบในการทำสาคูเปียกข้าวโพด

สาคูเม็ดเล็ก                   ½         ถ้วย

ข้าวโพดต้ม                    1          ฟัก

หัวกะทิ                          ½         กล่อง

น้ำเปล่า                         2          ถ้วย

น้ำตาล                          3          ช้อนโต๊ะ

เกลือ                                         ตามความชอบ

วิธีต้มสาคูเปียกข้าวโพด

1. ล้างสาคูด้วยน้ำสะอาดประมาณ 1-2 รอบ

2. ตั้งน้ำไว้ให้เดือด เมื่อเดือดแล้วให้เบาไฟลง และใส่สาคูลงไป จากนั้นต้มไปเรื่อย ๆ จนสุก

3. ใส่น้ำตาลคนจนน้ำตาลเริ่มละลาย ใส่ข้าวโพดต้มที่ผ่านการฝานเรียบร้อยแล้วลงไป จากนั้นตักขึ้นและพักไว้

4. เทกะทิลงไปจากนั้นปรุงด้วยเกลือจนดีรสชาติที่ชอบ ตั้งไฟจนเดือด แล้วเบาไฟลง คนจนเริ่มเหนียวเล็กน้อยแล้วจึงปิดไฟ และนำไปพักไว้

https://www.pinterest.com/pin/755338168730991840

เมื่อคุณต้องการจะทานนั้นสามารถตักกะทิราดเพิ่มและอาจเพิ่มมะพร้าวขูดเติมลงไปเพื่อเพิ่มลูกเล่นพร้อมกับความอร่อยได้ตามที่ต้องการอีกด้วย เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เมนูสาคูเปียกข้าวโพด ซึ่งเมนูของหวานไทยโบราณเป็นมาทานกันแบบง่าย ๆ และตักได้ในปริมาณที่จุใจกันแล้ว

Categories
ขนมเจ

ขนมเจ สไตล์อินเตอร์กับ วาราบิโมจิ

https://shopee.co.th/ขนมญี่ปุ่น

ขนมหยดน้ำหรือ วาราบิโมจิ นั้นถือเป็นหนึ่งในขนมเจที่คุณไม่ควรพลาด แถมยังเป็นขนมที่ทำได้ง่ายสุด ๆ อีกด้วย วันนี้ถ้าใครเกิดอยากจะลองเข้าครัวเป็นเชฟขนมเอเชียกันบ้างเราได้เตรียมสูตรของขนมชนิดนี้มาไว้ให้คุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมแล้วมาเริ่ม โกอินเตอร์ไปกับวาราบิโมจิ กันเลย

. https://pantip.com/topic/30846402

วัตถุดิบในการทำเมนู วาราบิโมจิ

-ส่วนของวาราบิโมจิ

แป้งมัน                          100      กรัม

ผงวุ้น                            ¼         ช้อนชา

น้ำตาลทราย                  50        กรัม

น้ำเปล่า                         400      กรัม

ถั่วคินาโกะป่น                80        กรัม

– ส่วนของคุโรมิสึ

น้ำตาลทรายแดง 160      กรัม

น้ำเปล่า                         200      กรัม

https://supersaleth.com/product/

วิธีทำวาราบิโมจิ

1. นำแป้งมัน น้ำตาลทราย ผงวุ้น และน้ำเปล่า ใส่รวมกันลงไปในกระทะ

2. คนทุกส่วนผสมให้เข้ากันสังเกตจนแป้งไม่เกาะกันเป็นเม็ด

3. จากนั้นนำขึ้นเตาเปิดไฟอ่อนกวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งกลายเป็นเนื้อใส

4. นำไปใส่ในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมผืนผ้าและนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อให้โมจิเซตตัว

5. ระหว่างที่รอให้แป้งเซทตัวนั้น ให้คุณหันมาทำซอสราดอย่างซอสคุโรมิสึแทน เริ่มจากการนำน้ำตาลทรายแดง ตามด้วยน้ำเปล่ามาตั้งไฟอ่อน และเคี่ยวไปประมาณ 10 นาที เมื่อซอสเริ่มหนืดให้นำไปพักให้เย็นลง

6. นำแป้งที่แช่ไว้ในตู้เย็นออกมาแช่ด้วยน้ำเย็นอีกต่อหนึ่งเพื่อให้หลุดจากพิมได้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม และนำไปแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้เซทตัวสมบูรณ์

7. นำวาราบิที่ตัดไว้ไปคลุกผงถั่วคินาโกะป่นให้ทั่วทั้งก้อนแล้วเสิร์ฟพร้อมซอสคุโรมิสึ

วิธีทำไม่ยากแต่อาจต้องใช้เวลารอเพื่อให้วาราบิโมจิเซทตัวกันอยู่บ้าง นี่ถือเป็นเมนูของว่างเจง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ ถือว่าเป็นขนมที่จะพาคุณโกอินเตอร์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เริ่มทำและทานก็เหมือนลัดฟ้าไปถึงแดนอาทิตย์อุทัยกันแล้ว

Categories
ขนมเจ

มันฝรั่งทอด ขนมเจที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง

https://cookpad.com/th/recipes/528976-มันฝรั่งทอดกรอบ-ไม่ต้องง้อเลย์แล้ว

สำหรับเมนู มันฝรั่งทอด น่าจะเป็นของว่างเจที่ใครหลาย ๆ คนชอบกันอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ลองทำขนมเจชนิดนี้เองน่าจะประหยัดงบแล้วก็ทานกันได้ไม่อั้นมากกว่าเดิม เราเลยเตรียมวัตถุดิบของมันฝรั่งทอดโฮมเมดมาฝากคุณกันบอกเลยว่าทำงาน มีประโยชน์ และยังเหมาะกับคนที่ต้องการเลี่ยงเนื้อสัตว์อีกด้วย

https://twitter.com/gingun7/status/1261825966197751813

วัตถุดิบในการทำมันฝรั่งทอดแบบแผ่น

            บอกเลยว่าวัตถุดิบของขนมเจอย่างมันฝรั่งทอดโฮมเมดนั้นแสนจะน้อยและไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงแต่อาจทำให้คุณต้องใช้เวลามากกว่าการไปซื้อมาทานเท่านั้นเอง โดยวัตถุดิบหลัก ๆ มีดังนี้

มันฝรั่ง              2-3                   ลูก

แป้งทอดกรอบ    3                      ช้อนโต๊ะ

น้ำมันสำหรับทอด

https://twitter.com/gingun7/status/1261825966197751813

วิธีทำมันฝรั่งทอดแผ่นบาง

1. เริ่มจากการสไลด์มันฝรั่งให้ออกมาเป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นนำกระดาษชิชู่มาซับแผ่นมันฝรั่งให้แห้งสนิท

2. จากนั้นนำแป้งทอดกรอบมาโรยพร้อมกับการคลุกเคล้าแผ่นมันฝรั่ง โดยคลุกเพียงบาง ๆ เมื่อเรียบร้อยแล้วเริ่มนำไปทอดกันได้เลย

3. การทอดมันฝรั่งทอดแบบแผ่นนั้นให้ค่อย ๆ หยิบทีละแผ่นลงในน้ำมันที่เดือดจัด เพื่อไม่ให้แผ่นมันฝรั่งติดกัน แล้วอย่าลืมคนให้ทั่วจนแผ่นมันฝรั่งเริ่มเหลืองจึงสามารถตักขึ้นมาพักไว้ได้

คุณสามารถเพิ่มเติมลูกเล่นให้กับเมนูขนมเจอย่างมันฝรั่งทอดได้ด้วยการโรยเกลือหรือผงปรุงรสในสไตล์ที่คุณชอบไม่ว่าจะเป็นปาปิก้า ชีส หรือสไปซี่ บอกเลยว่านี่จะเป็นเมนูของกินเล่นเจที่อยู่กับคุณได้ในหลากหลายโอกาสกันอย่างแน่นอน

Categories
ขนมเจ

ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมไทยที่เป็นขนมเจ

. https://www.matichon.co.th/prachachuen/daily-column/news_2135670

สำหรับเมนูอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง นั้นถือว่าเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงหน้าร้อนของไทยที่หลายคนไม่รู้ว่าการทำเมนูนี้เองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยาก และยังสามารถที่จะผันตัวเป็นขนมเจในช่วงปลายปีที่บ้านเรามีเทศกาลถือศีลกินเจกันได้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจอยากลองทำเมนูนี้ด้วยตัวเองเรามีสูตรมาฝากกัน

ข้าวเหนียวมะม่วง
. https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/review/1910779

วัตถุดิบการทำข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียว                     350      กรัม

กะทิ                              1          กระป๋อง

น้ำตาลทราย                  ¾         ถ้วย

เกลือ                             1+ ¼    ช้อนชา

แป้งข้าวเจ้า                    1          ช้อนชา

ใบเตย                           4-5       ใบ

ข้าวเหนียวมะม่วง
https://www.thaistreetfood.net/food/ข้าวเหนียวมะม่วง/

วิธีทำข้าวเหนียวมะม่วง

1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดแล้วทำการแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน

2. เติมน้ำลงในหม้อนึ่งแล้วนำขึ้นตั้งไฟเปิดในระดับไฟแรง รอจนน้ำเดือด แล้วสะเด็ดน้ำออกจากข้าวเหนียวนำขึ้นมาห่อด้วยผ้าขาวบาง พร้อมกับวางใบเตยลงไปประมาณ 2 ใบ เรียบร้อยแล้วเริ่มนึ่งได้

3. นึ่งประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าข้าวเหนียวจะสุก

4. นำกะทิมาแบ่งไว้ประมาณ ¾ ถ้วยตวง ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อเล็กพร้อมทั้งเติมน้ำตาล และเกลือ 1 ช้อนชาลงไปเรียบร้อนแล้วให้นำไปตั้งไฟอ่อน

5. ใส่ใบเตยที่เหลือลงในหม้อกะทิ แล้วใช้ทัพพีคนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลนั้นละลายหมด โดยระวังอย่าให้กะทิจับเป็นก้อน เมื่อกะทิเดือดให้ปิดเตาแล้วยกลงพักเอาไว้

6. ตักข้าวเหนียวที่สุกเรียบร้อยแล้วลงในอ่างผสมและเทกะทิที่ร้อนอยู่ลงไป ขั้นตอนนี้ให้คุณคนด้วยความรวดเร็วเพื่อให้กะทิทั่วข่าวเหนียว จากนั้นปิดฝาให้ข้าวเหนียวเกิดความระอุประมาณ 15 นาที

7. นำกะทิ 3/4 ถ้วยที่แบ่งไว้มาผสมกับแป้งข้าวเจ้าพร้อมทั้งใส่เกลือลงไป จากนั้นนำไปตั้งไฟแล้วคนเรื่อย ๆ จนกะทิมีความข้นขึ้นและเดือด ส่วนนี้จะนำมาใช้เพื่อเป็นกะทิสำหรับราดหน้านั่นเอง

8. ตักข้าวเหนียวใส่จาน ราดด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ อาจโรยถั่วเหลืองเพิ่ม แล้วทำการเสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุก

มักจะมีคำถามตามมาเสมอว่า ข้าวเหนียวมะม่วง กี่แคล คำตอบก็คือประมาณ 350 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่ายังพอจะออกกำลังกายเพื่อเผาพลาญได้ เพราะเมนูข้าวเหนียวมะม่วงถ้าจะงดทานเลยก็คงจะทำให้ช่วงหน้าร้อนหรือเทศกาลกินเจกร่อยไปไม่น้อย

Categories
ขนมเจ

ใครกำลังมองหา ขนมเจ ห้ามพลาดเปียกปูนกะทิสด

https://www.wongnai.com/recipes/butterfly-pea-milk-pudding-with-young-coconut-meat

เมนูที่มีส่วนผสมของกะทินั้นต้องยกให้เป็นยอดของความอร่อย และจะดีแค่ไหนถ้าเมนูที่แสนอร่อยเหล่านั้นเป็นขนมเจให้คุณได้อิ่มบุญไปพร้อมกับอิ่มท้อง เราขอมาแนะนำสูตรของขนมอย่าง เปียกปูนกะทิสด ให้คุณได้ลองเอาไปทำตามกัน บอกเลยว่าทำง่ายกว่าที่คิด แล้วก็อร่อยแบบที่เคยทานกันมาอย่างแน่นอน

เปียกปูนเจ
https://scitech.kpru.ac.th/portal/hashtag?tags=ปูน

วัตถุดิบน้ำกะทิของเปียกปูนกะทิสด

เกลือ 1 ช้อนชา กะทิ 1 ถ้วยตวง แป้งสาลีเอนกประสงค์     1          ช้อนชา งาขาวคั่ว                 สำหรับโรยหน้า

วัตถุดิบเปียกปูนกะทิสด

แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง แป้งมัน ¼ ถ้วยตวง น้ำอัญชัน 2 ถ้วยตวง น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม น้ำตาลทราย ¼ ถ้วยตวง

เปียนปูนเจ
. https://food.mthai.com/dessert/129473.html

วิธีทำเปียกปูนกะทิสด

1. เริ่มด้วยการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำอัญชัน น้ำปูนใส น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทราย พร้อมคนให้เข้ากัน สังเกตว่าเมื่อแป้งและน้ำตาลละลายเข้ากันถือว่าได้ที่แล้ว

2. นำส่วนผสมทั้งหมดขึ้นมาตั้งไฟโดยควรใช้ไฟกลางพร้อมทั้งคนไปเรื่อย ๆ จนแป้งมีความข้นหนืดขึ้น

3. เมื่อตัวตัวแป้งได้ที่แล้ว ให้คุณนั้นคนต่ออีกเล็กน้อยแล้วปิดไฟ พร้อมพักไว้ให้เย็น

4. มาเริ่มหน้ากะทิโดยผสมกะทิ แป้งสาลีอเนกประสงค์ และเกลือ ให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้วให้นำมาตั้งไฟและทำการคนไปเรื่อย ๆ จนเกลือละลาย และส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีจึงสามารถปิดไฟได้

5. วิธีการเสิร์ฟนั้นให้คุณราดกะทิลงบนตัวเปียกปูน ตามด้วยการโรยงาขาวคั่ว

มีบางคนถามเข้ามาว่าสามารถที่จะทำเปียกปูนกะทิสด ไม่มีน้ำปูนใสได้หรือไม่ คำตอบคือสามารถทำได้แต่น้ำปูนใสนั้นจะมีส่วนช่วยในการเซทตัวของเปียกปูนกระทิสด โดยถ้าไม่ใช้วัตถุดิบนี้ก็อาจเปลี่ยนเป็นโซดาแทนได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากได้เปียกปูนกะทิสด แบบดั้งเดิมแนะนำว่าใส่น้ำปูนใสจะดีที่สุด

Categories
เค้ก

ชีสเค้ก แสนอร่อยกับสูตรชีสเค้ก อร่อยมากจนต้อง นำมาบอกต่อ

ชีสเค้ก ที่สายหวานหลาย ๆ คนมักจะชอบเพราะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มมาก ๆ และก็ไม่หวานเหมือนเค้กทั่วไป ซึ่งหากใครอยากจะทำไว้กินเอง หรือจะทำเป็นแบบชีสเค้กญี่ปุ่น, ชีสเค้กหน้าไหม้ ส่งเป็นเค้กวันเกิดหรือจะโอกาสพิเศษต่าง ๆ วันนี้ก็มีสูตรชีสเค้กอร่อยมาก ๆ มาให้ได้ทำกัน

วัตถุดิบในการทำชีสเค้ก

  1. ครีมชีส  140 กรัม
  2. เนยเค็ม  20 กรัม
  3. นมสด  45 มิลลิลิตร
  4. น้ำตาลไอซิ่ง  55 กรัม (ส่วนที่1)
  5. ไข่แดง  3 ฟอง
  6. น้ำมะนาว  1 ช้อนโต๊ะ
  7. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  8. แป้งเค้ก   40 กรัม

(หากต้องการให้เนื้อเค้กมีความชีส และเวลาอบบออกมามีลักษณะเป็นชีสเค้กหน้าไหม้ ให้ลดปริมาณแป้ง 10 กรัมลง)

  • ไข่ขาว   3 ฟอง
  • น้ำตาลไอซิ่ง  35 กรัม (ส่วนที่2)

วิธีทำ ชีสเค้ก

  1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส โดยใช้ไฟล่าง ใส่น้ำร้อนลงไปในถาดชั้นล่าง เราจะอบขนมที่ชั้นกลางของเตา
  2. ตีครีมชีส เนย ให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่นมสดลงไปคนผสมให้เข้ากัน
  3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที ให้ส่วนผสมร้อน
  4. ตีไข่แดงในชามผสมอีกใบ จากนั้นร่อนแป้งและน้ำตาลส่วนที่ 1 ลงไปคนผสม
  5. จากนั้นตามด้วยส่วนผสมครีมชีสที่ละลายไว้ในข้อ 3  ใส่ลงไปผสมให้เข้ากัน
  6. และจากนั้นหันมาตีไข่ขาวกับน้ำตาลไอซิ่งส่วนที่ 2 จนตั้งยอดอ่อน
  7. แบ่งไข่ขาวมาตะล่อมใส่ส่วนผสมครีมชีส แบ่งผสม 2-3 ครั้ง ด้วยการตะล่อมเบา ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน
  8. ใส่ส่วนผสมลงในพิมพ์ ที่กรุกระดาษรองอบไว้แล้ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 45-50 นาที
  9. เมื่อเค้กสุกแล้วให้นำออกจากพิมพ์ทันที พักให้เย็นบนตระแกรงพักขนมให้เย็นสนิท และนำเข้าตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถจะจัดเสิร์ฟได้เลย
Categories
หน้าแรก เค้ก

เค้กมะพร้าวอ่อน แสนอร่อย สำหรับสาวหวาน

สาวหวานหลาย ๆ คนที่ชอบกินเค้กมะพร้าว คงกำลังหากันอยู่ใช่ไหม กับ เค้กมะพร้าวอ่อน สูตรไหนอร่อย หรือจะเป็นเค้กมะพร้าวครีมสด ซึ่งก็มีวิธีทำที่ไม่ยากเลย จะได้รสชาติที่อร่อย แถมยังสามารถจะตกแต่งให้เป็นเค้กมะพร้าวสวย ๆ ให้ได้กิน และฟิน ๆ ไปพร้อมกันเลย

วัตถุดิบในการทำเค้กมะพร้าวอ่อน

  1. แป้งเค้ก   90 กรัม
  2. ผงฟู   1/2 ช้อนชา
  3. น้ำตาลทราย   75 กรัม
  4. ไข่ไก่   3 ฟอง
  5. โอวาเลท   20 กรัม
  6. กลิ่นวนิลาบัตเตอร์   1 ช้อนชา (ถ้าชอบเค้กมะพร้าวใบเตย ก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นกลิ่นใบเตยได้)
  7. หัวกะทิ   80 มิลลิลิตร
  8. วิปปิ้งครีม   250 มิลลิลิตร
  9. หัวกะทิ   50 มิลลิลิตร
  10. มะพร้าวอ่อน   350 กรัม

วิธีทำ เค้กมะพร้าวอ่อน

  1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียล
  2. เริ่มทำเนื้อเค้กด้วยการร่อนแป้งเค้กรวมกับผงฟู
  3. นำส่วนผสมในข้อ 2 รวมกับน้ำตาล ไข่ไก่ และกลิ่นวนิลา คนส่วนผสมให้พอเข้ากันจากนั้นใส่โอวาเลท
  4. ตีด้วยเครื่องใช้ความเร็วสูงประมาณ 5 นาที จากนั้นปิดเครื่องแล้วใส่หัวกะทิ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  5. เทลงในพิมพ์เค้ก 1-2 ปอนด์ (1 ปอนด์สำหรับผู้ที่ชอบเค้กทรงสูง , 2 ปอนด์สำหรับผู้ที่ชอบความสูงมาตรฐาน)
  6. นำเข้าเตาอบ 30-35 นาที
  7. เมื่อเค้กสุกนำออกจากพิมพ์ แล้วพักไว้ให้เย็น
  8. ระหว่างที่รอเค้กเย็น ทำครีมโดยนำวิปปิ้งครีมและกะทิมาผสมกัน ตีจนขึ้นฟูตั้งยอด
  9. เมื่อเค้กเย็นนำมาหั่นสไลด์เพื่อจะทำเป็นชั้นเป็น 2-3 ชั้นตามความชอบ
  10. เริ่มแต่งเค้กมะพร้าวอ่อนด้วยการวางเนื้อเค้กชั้นแรกลงบนฐานหมุนแต่งเค้ก
  11. บีบครีมให้ทั่วด้านบนและปาดจนเรียบ โรยด้วยมะพร้าวอ่อนจนทั่ว
  12. ถ้าทำเค้ก 3 ชั้น ชั้นที่ 2 ทำซ้ำแบบเดิม
  13. เมื่อทำครบทุกชั้น วางเนื้อเค้กชั้นบนและแต่งครีมให้ทั่วก้อนเค้ก ปาดให้เรียบ และแต่งด้วยมะพร้าวอ่อนตามชอบ เสร็จแล้วก็พร้อมฟินกันเลย
Categories
เค้ก

เค้กกล้วยหอม สูตรโบราณทั้งนุ่ม ทั้งหอม อร่อยได้ไม่กลัวอ้วน

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม เป็นขนมโบราณที่นิยมทำขาย ทำกินซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้หาง่าย และมีเกือบทุกฤดูกาล อีกทั้งด้วยเพราะเนื้อเค้กกล้วยหอมนุ่มฟู รสชาติก็จะได้ความหวานธรรมชาติจากเนื้อกล้วยอยู่แล้ว จึงไม่ต้องจำเป็นต้องเพิ่มความหวานจากน้ำตาลมากกนัก ในปัจจุบันยังนำเค้กมาดัดแปลงให้รสชาติถูกปากเด็ก ๆ มากขึ้นด้วยการราดด้วยช๊อกโกแลตหรือตามที่ต้องการได้เลย แต่ในที่นี้ก็จะแนะนำเป็นเค้กกล้วยหอมสูตรโบราณ โดยจะใช้วิธีการนึ่งซึ่งจะยิ่งทำให้เนื้อเค้กนุ่มและหอมมากยิ่งขึ้น

วัตถุดิบในการทำเค้กกล้วยหอม

  1. แป้งเค้ก   275 กรัม
  2. ไข่ไก่   3 ฟอง ( เบอร์ 2 )
  3. กล้วยหอม   330 กรัม
  4. น้ำตาลทราย   130 กรัม
  5. น้ำตาลปี๊บ   50 กรัม
  6. ผงฟู   1  ช้อนชา
  7. เบกกิ้งโซดา   1  ช้อนชา
  8. เกลือ  ½ ช้อนชา
  9. นมข้นจืด   100 กรัม
  10. กลิ่นวนิลา   ½  ช้อนชา
  11. น้ำมะนาว   10  กรัม
  12. น้ำมันข้าวโพด 110 กรัม

วิธีทำ เค้กกล้วยหอม

  1. เตรียมแป้งเค้ก เกลือ ผงฟู เบกกิ้งโซดา ร่อนใส่ชามผสมเตรียมไว้
  2. เตรียมถ้วยผสม ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปบี้พอละเอียด ใส่นม น้ำมันพืช กลิ่นวนิลา น้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน
  3. เตรียมชามผสม ตอกไข่ใส่ลงไป ตีด้วยเครื่องตีให้ฟูเนียน แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไปตีจนเข้ากันดี  จากนั้น ค่อย ๆ ใส่นมที่ผสมไว้ แล้วตีให้เข้ากัน บี้กล้วยหอมให้พอละเอียดใส่ลงไปผสม ใส่แป้งที่ร่อนเตรียมไว้ ใช้พายตะล่อมแป้งให้เข้ากันดี
  4. จากนั้นตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ตักใส่ให้พอดีพิมพ์ แล้วใส่ซึ้งนึ่งที่ตั้งน้ำเดือดจัด ๆ ประมาณ 15-20นาที หรือดูจนเค้กกล้วยหอมสุกดีแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้ ถือว่าเป็นเค้กกล้วยหอมสูตรโบราณในขั้นตอนง่าย ๆ

สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูเค้กง่าย ๆ แนะนำเค้กกล้วยหอมเลยค่ะ