Categories
หน้าแรก

คุกกี้เนยสด เมนูเบเกอรี่ทำง่าย ทานก็ง่าย ขายก็คล่อง

เบเกอรี่ ที่เราคุ้นชินและได้ทานกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นขนมหาทานง่ายที่ใคร ๆ ก็ทานได้ นั่นก็คือ คุกกี้เนยสด เป็นขนมรสชาติหวานมันหอมอร่อยจะทานเป็นขนมขบเคี้ยวระหว่างดูซีรีส์ ทานเป็นของว่างระหว่างวัน หรือจะทานแก้หิวเวลาเร่งรีบก็อร่อยไม่น้อย  วันนี้มาทำเมนูง่ายๆนี้ดีกว่าค่ะ

เปิดเคล็ดลับวิธีทำ คุกกี้เนยสด ทำยังไงให้อร่อย

ส่วนผสมและวัตถุดิบ

            -เนยสดเค็มนิ่ม 115 กรัม

            -น้ำตาลไอซิ่ง 30 กรัม

            -แป้งเค้ก 115 กรัม

            -แป้งข้าวโพด 40 กรัม

วิธีทําคุกกี้

ขั้นตอนที่ 1 การทำ คุกกี้เนยสด เริ่มจากใช้เนยสดเค็มนิ่มวางไว้อุณหภูมิห้อง 30 นาที  เพื่อให้เนยสดเซ็ตตัว  จากนั้นนำไปตีจนเนยแตกตัว จากนั้นเติมน้ำตาลไอซิ่งหรือน้ำตาลทรายป่นตีให้เข้ากัน ( ประมาณ 2-3 นาที )เมื่อได้เนยสดที่มีเนื้อขึ้นฟูเล็กน้อยและสีเนยสดอ่อนลงแล้วให้นำไปตั้งพักไว้ก่อน

ขั้นตอนที่ 2 ร่อนแป้งเค้กและแป้งข้าวโพดใส่ลงไปในเนยที่ได้เตรียมไว้ จากนั้นใช้ใบพายคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอย่างเบามือ ในขั้นตอนนี้ไม่ควรคนนานจนเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อคุกกี้แข็งและไม่อร่อย

ขั้นตอนที่ 3 จากนั้นตักส่วนผสมที่ได้ใส่ถุงบีบ และบีบแป้งในลักษณะแนวตั้งซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถเลือกหัวบีบกี่แฉกก็ได้นะคะ แต่เพื่อความสวยงามแนะนำให้ใช้เป็นหัวบีบ 8-10 แฉกค่ะ จากนั้นทำการบีบซ้อนกันขึ้นเป็นชั้น 3-4 ชั้น  สามารถตกแต่งหน้าตาเค้กให้สวยงามได้ตามใจชอบ จากนั้นนำแป้งที่บีบเสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นในช่องธรรมดาประมาณ 10-15 นาที  ในช่วงที่รอให้เนื้อแป้งเซ็ตตัวแนะนำให้วอร์มเตาอบเอาไว้ที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส รอไว้เลยนะคะ

ขั้นตอนที่ 4 จากนั้นนำคุกกี้ออกจากตู้เย็นแล้วทำการ อบคุกกี้เนยสด โดยตั้งอุณหภูมิที่ 150 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที โดยเมื่อนำมาเข้าเตาอบแนะนำให้วางถาดบริเวณเตาอบชั้นกลางและเปิดพัดลมเตาเอาไว้ด้วย เมื่อครบทุก ๆ 20 นาที ให้ทำการหมุนถาดเตาอบเพื่อให้ความร้อนกระจายได้อย่างทั่วถึง เมื่อเวลาผ่านไป 40 นาที ให้นำคุกกี้ออกมาพักไว้ให้เย็นบนตะแกรง

ขั้นตอนที่ 5  จากนั้นจัดเรียงใส่จานให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟ   หากทานไม่หมดคุณสามารถบรรจุจัดเก็บไว้ในถุงซิปล็อคหรือขวดโหลที่มีฝาปิดมิดชิดป้องกันอากาศเข้า เพื่อให้เนื้อสัมผัส คุกกี้เนยสดกรอบ อร่อยและสามารถเก็บไว้ทานได้นานยิ่งขึ้นค่ะ

คุกกี้เนยสดความอร่อยง่าย ๆ ที่มาพร้อมประโยชน์

วิธีทำคุกกี้เนยสดที่เราได้นำมาแนะนำทุกคนในวันนี้ นอกจากจะเป็นเมนู คุกกี้เนยสดกรอบ อร่อยที่ทำได้ง่ายและมีความหอมกรุ่นชวนทานแล้ว สารอาหารในเมนูคุกกี้เนยสด ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินต่าง ๆ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพรแทสเซียม ไขมัน แคลอรี คอเลสเตอรอล ฯลฯ  แต่แม้ว่าจะทั้งอร่อยทั้งฟินสักแค่ไหน  แนะนำให้สาว ๆ จำกัดจำนวนในการทานกันด้วยนะคะ เพราะถ้าทานมากไปอาจจะทำให้อ้วนไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ  เพื่อสุขภาพที่ดีควรทานในปริมาณที่พอเหมาะควบคู่ไปกับการออกกำลังกายกันด้วยนะคะ

Categories
หน้าแรก

คอร์นเฟลกคาราเมล คาราเมลแท้ ๆ ของกินเล่นทำง่าย อร่อยด้วยตัวคุณเอง

ในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนาน ๆ หลาย ๆ คนน่าจะประสบปัญหากับการไม่มีอะไรทำ หรือว่าต้อง Work from Home การสร้างสรรค์เมนูกินเล่นที่ง่ายแสนง่ายก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหางานอดิเรกทำในยามว่าง หรือ จะทำเมนูของคาวของหวานกินเวลา ดูหนัง ดูซีรี่ย์ หรือจะเล่นเกมส์ ก็ฟินไปอีกแบบ วันนี้เราขอเสนอของกินเล่นที่ทำง่ายมากๆกับ คอร์นเฟลกคาราเมล นั่นเอง เรามาดูสูตรคอร์นเฟลกคาราเมล และวิธีทำคอร์นเฟลกน้ำผึ้งง่ายๆ จากคอร์นเฟลกธัญพืช ที่มีคุณประโยชน์เน้นๆ กันดีกว่า

วัตถุดิบในการทำคอร์นเฟลกคาราเมล

  • คอร์นเฟลก 300 กรัม
  • เมล็ดทานตะวัน 200 กรัม
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 200 กรัม
  • ลูกเกด 200 กรัม
  • อัลม่อน 150 กรัม

(วัตถุดิบต่าง ๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ)

ส่วนผสมทำคาราเมล (หรือถ้าใครขี้เกียจทำคาราเมลเอง ใช้แบบสำเร็จรูปได้)

  • น้ำตาลทรายขาว 360 กรัม
  • น้ำเปล่า 80 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 80 กรัม
  • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เนย 60 กรัม
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา

วิธีทำ คอร์นเฟลกคาราเมล

  • นำ เมล็ดทานตะวัน เม็ดม่วงหิมพานต์ อัลม่อน และ ลูกเกด ไปใส่ถาดแล้วนำไปเข้าอบที่อุณหภูมิ 120 องศา ประมาณ 10-15 นาที ใช้ ไฟบน-ล่าง พัดลม เพื่อไล่ความชื้น
  • หลังจากนั้นทำคาราเมลด้วยการนำ น้ำเปล่า มาใส่น้ำตาล คนให้เข้ากันโดยที่ไม่ต้องตั้งไฟ (ถ้าเราเคี่ยวน้ำตาลตอนตั้งไฟจะทำให้น้ำตาลตกผลึกไม่เป็นคาราเมล) ใช้วิธีแกว่งเอา แต่อย่าแกว่งบ่อย

(เกร็ดความรู้ : ยิ่งคาราเมลเป็นสีเข้มเท่าไหร่ยิ่งมีความขมมากขึ้น ถ้าชอบแบบไหนให้คอยสังเกตดู)

  • พอน้ำต้มน้ำตาลเดือด ให้ใส่ วิปปิ้งครีม ลงไป แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเติม เนย คนให้ละลาย พอทุกอย่างเข้ากันดูจนเป็นซอสแล้ว ให้เติม เบกกิ้งโซดา กลิ่นวนิลา และ เกลือ ลงไป คนให้เข้ากัน
  • นำคอร์นเฟลกสำเร็จรูป และ ธัญพืชที่อบไว้ก่อนหน้ามาเทใส่หม้ออีกใบ ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำซอสคาราเมลค่อย ๆ ใส่ลงไปแล้วคลุกให้เข้ากัน
  • หลังจากนั้นนำกระดาษไขมาปูบนถาด แล้วนำคอนเฟลกธัญพืชคาราเมลที่ทำไว้ลงมาใส่แล้วเกลี่ยให้ทั่ว แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 130-140 องศา เป็นเวลา 10 นาที 3 รอบ ใช้ไฟบน-ล่าง พัดลม ในแต่ละรอบให้นำออกมาพลิกคอนเฟลกทั้งหมดกลับด้าน เพื่อความร้อนที่ทั่วถึง เสร็จเรียบร้อยก็พร้อมทานได้ เก็บใส่โหลแก้วกินต่อได้อีกนาน

ส่วน คอร์นเฟลกน้ำผึ้ง วิธีการทำก็เหมือนกันเลย เพียงแค่ ไม่ต้องทำน้ำผึ้งเอง แต่ใช้ราดลงไปแล้วคลุกให้เข้ากันก่อนอบได้เลย เท่านี้เราก็จะได้ อาหารกินเล่นง่าย ๆ ไว้ทำกินเองในยามว่างแล้ว

Categories
หน้าแรก

ทาร์ตพิซซ่า เมนูขนมแสนอร่อยที่ไม่แพ้พิซซ่าถาด พร้อมเคล็ดลับและวิธีทำ

ทาร์ต เป็นขนมที่ผู้คนนิยมกันอย่างแพร่หลาย ประกอบไปด้วยไส้มากกว่าแป้งขนมอบ มีหลากหลายหน้าด้วยกัน ที่นิยมในบ้านเราจะเป็น ทาร์ตไข่, หน้าชีส, หน้าช็อกโกแลต, หน้าคัสตาร์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ ทาร์ตพิซซ่า ที่บอกเลยว่าความอร่อยนั้นไม่แพ้พิซซ่าถาดที่เรากินตามร้านกันเลย เป็น สูตรขนมทานง่าย ทำกินกันเองในบ้านกับครอบครัวดูหนังฟังเพลงกินทาร์ตเพลิน ๆ

ส่วนผสม ทาร์ตพิซซ่า

  • ปูอัด หรือ แฮม ไส้กรอก โบโลน่า เบคอน ใส่ตามใจชอบ
  • ผักรวมแช่แข็งหาซื้อได้ตามห้าง หรือจะเป็นผักสดก็ได้
  • ซอสพิซซ่า ยี่ห้อ คนอร์ หรือ ยี่ห้ออื่น
  • ซอสมะเขือเทศ ใครชอบมายองเนสใส่เพิ่มได้
  • มอสซาเรลลาชีส
  • ออริกาโน่
  • แป้งทาร์ตสำเร็จรูป หาได้ตาม ห้างสรรพสินค้าแมคโคร หรือ ร้านเบเกอรี่

วิธีทำทาร์ตพิซซ่า 

  • นำปูอัดมาหั่นเป็นชิ้น หรือลอกเป็นเส้น ๆ ก็ได้ตามสะดวก
  • นำผักรวม 3 สีแช่แข็ง ออกมาลวกน้ำ แล้วพักทิ้งไว้
  • นำซอสพิซซ่ามาผสมกับซอสมะเขือเทศ แล้วนำปูอัดและผักที่เตรียมไว้มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
  • นำแป้งทาร์ตสำเร็จรูปออกมาพักความเย็นไว้ 15-20 นาที หลังจากนั้นใช้มีด หรือส้อม ปาดเบา ๆ ให้เป็นรอย
  • นำฐานทาร์ตเข้าเตาอบ ใช้ไฟ 220 องศา ไฟล่างและไฟบน อบ 15-20 นาที
  • นำวัตถุดิบที่เตรียมไว้มาใส่ในฐานของทาร์ต
  • โปะด้วย มอสซาเรลลาชีส และ ออริกาโน่ ใครชอบมายองนีสก็บีบโรยหน้าเพิ่มได้
  • อบอีกครั้งด้วยไฟ 220 องศา ไฟล่างและบนเช่นเดิม ใช้เวลา 15-20 นาที หรือคอยดูแป้งทาร์ตว่าฟูได้ที่หรือยัง เสร็จแล้วก็พร้อมทานได้

เคล็ดลับในการทำทาร์ตพิซซ่า : ทาร์ตพิซซ่า ควรอบ 15-20 นาที ควรวอร์มเตาอบก่อนใช้งาน วางถ้วยทาร์ตไว้ชั้นล่างสุด ระยะเวลาที่ใช้อบอาจแตกต่างกันไปตามเตาอบที่ใช้ ควรมั่นสังเกตแป้งทาร์ตว่าฟูได้ที่หรือยัง และอย่าลืมปาดทาร์ตให้เป็นรอย เพื่อให้ทาร์ตที่ถูกอบไม่ฟูฟ่องจนเกินไปจนใส่ไส้ไม่ได้

ถ้าหากไม่อยากทำกินเอง เพราะเห็นว่ามันวุ่นวาย ทุกวันนี้ก็มีทาร์ตพิซซ่าขายราคา ถูกแพงแตกต่างกันไป อาจเริ่มต้นที่ 5 ชิ้น 50 บาท หรือ ชิ้นละ 50 บาทเลยก็มี ขึ้นอยู่กับวิธีการทำและวัตถุดิบของแต่ละร้าน

ก่อนจะจากกันไปเราอยากมาแนะนำ เค้กไข่ไต้หวัน สูตร Pimmy เป็นขนมเค้กที่ให้ความนุ่มฟูเด้งดึ๋งแสนอร่อย รับประทานคู่กับชา หรือ กาแฟ จะร้อนหรือเย็นก็ฟินสุด ๆ ไปดูสูตรและวิธีทำกันได้ที่ช่องยูทูป PIMMY TASTY www.youtube.com/c/PIMMYTASTY

Categories
หน้าแรก

เผยสูตร Italian macaron มาการอง สูตรแพงที่ฝึกทำกินเองได้ที่บ้าน

มาการอง ขนมหวานขึ้นชื่อจากประเทศฝรั่งเศส ของโปรดของใครหลาย ๆ คนที่พอได้ทานแล้วเป็นต้องบอกว่า อร่อย กันทุกราย ใครที่ชื่นชอบขนมเบเกอรี่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คุณอาจจะเคยกินเจ้า มาการอง ชิ้นเล็กน่ารักนี้ แต่คุณอาจจะยังไม่เคยทำกินเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงมาบอก สูตรทำ มาการอง แบบอิตาเลี่ยน สูตรของร้านดัง Pierre herme ซึ่งบอกไว้ก่อนว่ายี่ห้อนี่ซื้อทานเองแพงมาก

วิธีทำ มาการอง สูตร อิตาเลี่ยน

แบบในรายการ Masterchef Thailand เป็นสูตรดังของร้าน Pierre Herme เห็นว่ามาจากรายการชื่อดัง แต่บอกเลยว่าไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด วิธีทำมาการอง ง่าย ๆ สามารถทำกินเองได้สบาย ๆ สิ่งสำคัญในการทำ มาการอง คือ การ อบมากรองใช้ไฟ อ่อน สีจะได้ไม่เปลี่ยน ไม่ควรใช้ไฟแรง เพราะมาการอง จะแตก และ เป็นโพรง ไปดูส่วนผสม และวิธีทำกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม

– อัลมอนด์ป่นละเอียด 150 กรัม

– น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม

– ไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง 55 กรัม

– สีผสมอาหาร (ควรใช้สีฝุ่นหรือสีเจลเท่านั้น ไม่แนะนำสีน้ำเพราะจะเพิ่มความชื้นให้กับมาการอง)

ส่วนผสมที่ 2

– น้ำสะอาด 37 กรัม

– น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม

– ไข่ขาวส่วนที่สอง 55 กรัม

ไส้ช็อกโกแลตกานาช

– ดาร์กช็อกโกแลต (70%) 150 กรัม

– วิปครีม 150 กรัม

– กลิ่นรัม ½ ช้อนชา

วิธีทำ

– ร่อนอัลมอนด์กับน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน

– ผสมสีกับไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง แล้วเทลงในอ่างอัลมอนด์และน้ำตาลที่เตรียมไว้

– เทน้ำตาลและน้ำสะอาดลงในหม้อ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แต่ไม่อ่อนมากในการต้ม และไม่ต้องคน เมื่ออุณหภูมิได้ 112 องศา ให้เริ่มตีไข่ขาวส่วนที่ 2 ใช้ความเร็วสูงการตี

– จากนั้นไปต้มน้ำเชื่อมจนอุณหภูมิ 118 องศา ยกลงจากเตาแล้วนำน้ำเชื่อมไปตีรวมกับไข่ขาว ค่อย ๆ เทน้ำเชื่อมลงไปเป็นสาย อย่าเททีเดียวหมด น้ำตาลจะเป็นก้อน

– ตีจนได้เมอแรงค์ที่อุณหภูมิ 50 c แต่ต้องระวังอย่าตีแข็งจนเกินไป หรือ อ่อนเกินไป

– นำเมอแรงค์ไปผสมกับส่วนของอัลมอนด์ น้ำตาลไอซิ่ง และ ไข่ขาวส่วนที่หนึ่ง ตะล่อมจนส่วนผสมเข้ากันดี หลังจากนั้นใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบกลม บีบใส่แผ่นรองอบ

– เสร็จแล้วกระแทกถาดแรง ๆ สัก 2-3 ครั้ง พักให้หน้าผิวแห้ง 20-30 นาที

– อบด้วยไฟบนล่างปิดพัดลม ใช้ไฟ 150 องศา นาน 20-30 นาที

– ทำไส้ช็อกโกแลตด้วยการนำวิปครีมเข้าไมโครเวฟ 1 นาที หรือใครจะต้มเอาก็ได้ เสร็จแล้วเทวิปครีมลงในช็อกโกแลต ใส่กลิ่นรัม แล้วคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นพักทิ้งไว้ให้ช็อกโกแลตเซตตัว

– บีบไส้กานาชใส่มาการองที่เตรียมไว้ ก็เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าหากอยากให้มาการองอร่อยขึ้น หลังจากบีบไส้แล้วควรเก็บไว้ 24 ชม. เพื่อให้มาการองอร่อยยิ่งขึ้น

บทสรุปสุดท้าย

ถ้าหากใครที่ไม่อยากทำกินเอง เราขอแนะนำร้านขนมหวานมาการอง ชลบุรี อร่อยๆ แนะนำ

– หลุยส์ เฟลิเป้ เซ็นทรัลชลบุรี

– Le Sable Coffee & Construction

อีกหนึ่งที่หน้าสนใจมาการอง บางแสน เผื่อใครแวะไปเล่นทะเลแถวนั้นก็ซื้อมาการองมากินอร่อย ๆ

– Macaron Bangsaen

– Macaron Factory by Whanyen

– Café Kantary

Categories
หน้าแรก

เมนูยอดฮิต นมอบชีส ทำกินเองง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมนูยอดฮิต อย่าง นมอบชีส เนี่ย ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองมาได้สักระยะใหญ่แล้ว เพราะเป็น ของทานเล่นง่าย ๆ ที่ภายนอกดูน่ากินเอามาก ๆ แถมยังเป็นความหวานมันเค็มลงตัวด้วย นม ชีส แป้ง และ ไข่ ทำกินเองก็สะดวกสบาย ใช้เตาอบก็ได้ หรือ ไม่ใช้ก็ได้ มันจึงเป็นขนมที่เหมาะแก่การทำกินเองที่บ้าน หรือจะทำขาย ก็ได้ทั้งนั้น

นมอบชีส หรือ นมสดอบชีส มีวิธีการทำที่ง่ายแสนง่าย เราจึงมาบอก วิธีทำนมอบชีส พร้อมสูตรที่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยตามแบบฉบับจีน แบบนี้ไปดูส่วนผสมกันดีกว่าว่าต้องใช้อะไรบ้าง

ส่วนผสมในการทำ นมอบชีส

  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • แป้งข้าวโพด 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • นมสด 500 กรัม
  • เชดด้าชีส 1 แผ่น
  • ไข่แดง และ น้ำมะนาว สำหรับทาหน้าขนม

วิธีทำนมอบชีส

  • นำไข่แดง 2 ฟอง มาใส่ในกระทะ ตามด้วย แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย นมสด คนให้ผสมกันโดยที่ยังไม่ต้องเปิดเตา ทำให้แป้ง และ น้ำตาล ละลายให้หมด
  • พอละลายเข้ากันดี ให้ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน แล้วคนส่วนผสมตลอดเวลา ห้ามหยุด
  • พอส่วนผสมเริ่มร้อนแล้ว ให้ใส่เชดด้าชีสลงไป คนให้ชีสละลายเข้ากันดี คนเรื่อย ๆ ห้ามหยุด ส่วนผสมจะข้นขึ้นเร็วมากต้องคอยระวังให้ดี คนจนให้ส่วนผสมข้นหนืดจนได้ที่ ปิดเตาแล้วยกลง
  • นำออกมาคนต่อให้เนื้อเนียน นำไปเทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมที่รองด้วยพลาสติกแรปอีกที (อาจใช้กล่องขนาด 11×16.5 ซม.) พอเทจนหมด ปิดหน้าด้วยถุงแกง หรือ พลาสติกแรป อีกทีให้แนบกับตัวเนื้อขนม ใช้การ์ดหรืออะไรเรียบ ๆ มารูดให้เนื้อขนมเรียบเนียน
  • นำแม่พิมพ์ที่บรรจุส่วนผสมไปวางไว้บนภาชนะที่ใส่น้ำเพื่อคลายความร้อน แล้ววางทิ้งไว้ 30 นาที
  • เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • เมื่อครบเวลาจนขนมเซตตัวดีแล้ว นำมาตัดเป็นท่อนตามต้องการ (เวลาตัดให้ใช้แรงกดลงไปตรง ๆ เพราะเนื้อขนมนิ่มมาก)
  • เตรียมถาดและกระดาษไขรองอบ นำขนมมาเรียงให้มีระยะห่างพอสมควร จากนั้นนำไข่แดง ที่ผสมมะนาวแล้วมาผสมให้เข้ากัน และทาให้ทั่วบริเวณหน้าขนม
  • นำเข้าเตาอบที่มีการวอมเตาไว้ก่อนแล้ว อบที่อุณหภูมิ 200 องศา ไฟบน-ล่าง ประมาณ 25 นาที ต่อด้วยไฟบนอย่างเดียวอีก 2-4 นาที เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สูตร นมอบชีส แบบฉบับจีน ที่มีการเติมน้ำตาลขึ้นมา 2 เท่า แต่ไม่ได้ทำให้ขนมหวานจนเกินไป แต่ถ้าหากใครไม่ชอบหวานมาก แต่ชอบรสชาติความมันแบบเดิมก็ลดน้ำตาลลงได้ ขนมนมอบชีส มีวิธีทำที่ง่าย และ วัตถุดิบที่ไม่เยอะ จะลองปรับนำไปวางบนขนมปังแล้วอบอีกทีก็ได้นะ น่ากินไปอีกแบบ แบบนี้แล้วไม่ลองทำกินเองได้ยังไง ไปลองทำกันเลยดีกว่า

Categories
หน้าแรก

เอแคลร์ ขนมที่คนมักเข้าใจผิดกับชูครีม และความหอมหวานที่ลงตัวจากประเทศฝรั่งเศส

เอแคลร์ (Eclair) ชูครีม (Choux Cream) ต่างกันอย่างไร หลายคนยังไม่รู้ หลายคนยังแยกไม่ออก ซึ่งในบ้านเราก็เรียกผิดกันมาอย่างยาวนาน และทำผิดกันมาอย่างยาวนาน โดยการทำขนมชูครีมแต่ไปเรียกว่า เอแคลร์ พอนำออกมาขายก็ทำให้คนเข้าใจว่านี่คือ เอแคลร์ นะ เพราะฉะนั้นเพื่อให้คลายข้อสงสัย เรามาทำความรู้จัก ขนมสองชนิดนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า

ขนมทั้งสองชนิดล้วนเป็นขนมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศสด้วยกันทั้งคู่ ทำมาจากแป้งชนิดเดียวกัน คือ แป้งพายนิ่ม (Choux pastry) สิ่งที่แตกต่างกันของขนมสองอย่างนี้คือรูปทรง ชูครีม หรือ ชูช์ อา ลาเคร์ม (Choux a la Crème) คำว่า ชูช์ (Choux) ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง กะหล่ำปี ชูครีมจึงมีรูปร่างคล้ายกะหล่ำปีทรงกลม มีครีมสอดไส้อยู่ข้างในนั่นเอง ส่วน เอแคลร์ (Eclair) ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง สายฟ้า เอแคลร์ จึงมีรูปทรงยาว และมีความหลากหลายในการปรับแต่งขนมหวานชนิดนี้มากกว่าชูครีม เพราะมีทั้งแบบสอดไส้เหมือนชูครีม แบบราดด้านบน แบบผ่าแป้งตรงกลางและวางไส้ไว้เหมือนฮอทดอก

ขนมเอแคลร์ เป็นขนมที่หากินง่าย ไปที่ไหนก็เจอ เพราะเป็นขนมที่อร่อย หอมหวานอย่างลงตัว ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ติดใจกันไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเอแคลร์ 7-11 ไปที่ไหนก็เจอเอแคลร์ การบินไทย ของร้าน Puff & Pie อร่อยได้ทุกครั้งก่อนขึ้นบิน และหลังบินเสร็จเอแคลร์ จือปาก อันนี้ก็แซ่บอย่าบอกใคร เจอได้ตาม Youtube แต่อันนี้กินไม่ได้นะ เอ๊ะ หรือกินได้หว่า… ? แต่เรื่องแซ่บคนนี้รับประกันแน่นอนจ้า ส่วนถ้าใครชอบขนมหวานและเค้กมากมาย ร้านเอแคลร์ ชลบุรี ก็เป็นอีกร้านชื่อดังประจำเมืองชลที่น่าไปลองสักครั้งนะ

เรามาดู สูตร และ วิธีการทำ เอแคลร์ ง่าย ๆ สำหรับไว้ทำกินเองที่บ้าน หรือจะทำขายก็ได้เช่นกัน

ส่วนผสมแป้ง Choux pastry

  • แป้งขนมปัง 125 กรัม
  • น้ำตาล 2 ช้อนชา
  • เกลือ ½ ช้อนชา
  • นม 100 มิลลิลิตร
  • น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
  • ไข่ 4 ฟอง
  • เนยเค็ม 125 กรัม

ส่วนผสมของครีมเอแคลร์

  • นม 400 กรัม
  • กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
  • ไข่แดง 4 ฟอง
  • น้ำตาล 70 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 40 กรัม
  • เนยเค็ม 15 กรัม

ส่วนผสมสำหรับเคลือบหน้าด้วยช็อกโกแลต

  • ช็อกโกแลตก้อน 200 กรัม ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ (หรือถ้าชอบช็อกโกแลตยี่ห้อไหนเลือกใช้ได้ตามชอบ)
  • วิปปิ้งครีม 155 มิลลิลิตร

วิธีทำ

  • ทำไส้คัสตาร์ดครีม ต้มนมจนเดือดและตีไข่แดงกับน้ำตาลจนไข่มีสีอ่อนลง
  • ร่อนแป้งข้าวโพดลงไปแล้วตะล่อมให้เข้ากัน เติมนมที่ต้มจนเดือดครึ่งหนึ่งลงไปผสม คนจนเข้ากันเสร็จแล้วเทกลับลงหม้อต้มนม
  • ใช้ไฟต่ำ คนส่วนผสมจนข้นขึ้น แล้วปิดเตา เติมเนยและกลิ่นวนิลา คนจนเข้ากันอีกครั้ง แล้วนำไปพักในชาม จนเย็นสนิทดี
  • การทำแป้ง นำน้ำเปล่า นม และ เนยเค็มที่เตรียมไว้มาผสมกัน โดยที่ยังไม่เปิดไฟ หลังจากนั้นเปิดไฟ(กลาง) คนให้เข้ากันรอให้น้ำ/นม และ เนย ที่ต้มร้อนได้ที่
  • พอน้ำเดือดให้เติมแป้งขนมปัง น้ำตาล เกลือ และกลิ่นวนิลาเล็กน้อยเพื่อความหอมลงไป ยกขึ้นมาจากเตาปิดไฟ (เพื่อไล่ความชื้น) คนให้เข้ากันจนไม่มีแป้งสีขาว ๆ  แล้วค่อยนำกลับไปผัดต่อโดยการใช้ไฟกลางอีกเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 หรือจนกว่าจะมีแป้งติดเป็นฟิล์มบาง ๆ
  • หลังจากนั้นยกลงจากเตาแล้วเปลี่ยนหม้อเพื่อปรับอุณหภูมิให้ลดลง ใช้ไม้พายคนเพื่อให้คลายความร้อน แล้วใส่ไข่ลงไป คนให้เข้ากันจนแป้งหนืด
  • นำแป้งโดว์ที่เตรียมไว้บีบลงใส่ถาดเป็นเส้นยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร นำไปอบที่อุณหภูมิที่ 190 องศา เป็นเวลา 25 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง หลังจากอบเสร็จแล้วให้พักเตาก่อน แง้มเตาเพื่อปรับอุณหภูมิก่อนนำขนมออกจากเตาอบสัก 10 นาที ขนมจะได้ไม่แฟบ แล้วจึงนำมาพักต่อข้างนอก หลังจากนั้นเจาะรูขนมเพื่อบีบคัสตาร์ดเข้าไป
  • ทำหน้าเคลือบ ด้วย ช็อกโกแลตสับที่เตรียมไว้ นำมาใส่ถ้วย แล้วเติมวิปปิ้งครีมร้อน ๆ ลงไปในถ้วย คนจนเข้ากัน หรือจะนำ ช็อกโกแลตไปผัดจนละลายเป็นซอสก็ได้
  • พอได้ที่แล้วก็นำเอแคลร์ มาจุ่มเพื่อเคลือบด้านบนเอาไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

เกร็ดความรู้เล็กน้อยสำหรับการทำ : การใส่ไส้ต้องรอให้เปลือกเอแคลร์และไส้นั้นเย็นทั้งคู่ ถ้าเปลือกร้อนแต่ไส้เย็น จะทำให้เสียไว ถ้าเปลือกเย็น แต่ไส้ร้อน จะทำให้เปลือกแฉะและทำให้เอแคลร์เสียไวเช่นกัน

สรุป

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับเอแคลร์ สูตร ที่เราแนะนำให้ไป บอกตรง ๆ เลยว่าทำได้ก็ทำขายได้เลยนะเอแคลร์ มี แคลอรี่ มากพอสมควร โดยมี แคลอรี่ ประมาณ 200-260 กิโลแคล ต่อ ปริมาณ 100 กรัม ขึ้นชื่อว่าขนมหวาน กินแล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายเผาผลาญพลังงานส่วนเกินกันด้วยนะทุกคน

Categories
น้ำปั่น หน้าแรก

มาเติมคาเฟอีนให้ร่างกายไปกับ คาปูชิโน่ ปั่น

หลายคนมักจะติดดื่มกาแฟวันละอย่างน้อย 1 แก้วเสมอ แต่นานวันไปอาจเบื่อเมนูเดิม ๆ วันนี้เราเลยอยากพาเมนูกาแฟอย่าง คาปูชิโน่ มาเพิ่มลูกเล่นให้กลายเป็นคาปูชิโน่ปั่น และเราจะพาสูตรคาปูชิโน่ปั่น 22 ออนซ์ที่มีความคล้ายกับคาปูซิโน่ปั่นอเมซอนยอดนิยมมาให้คุณได้ลองเอาไปปั่นดื่มตามกันแบบไม่ต้องกังวลว่าคาปูชิโน่ปั่นกี่แคล เพราะความอร่อยล้ำหน้าทำให้คุณลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างแน่นอน

วัตถุดิบคาปูชิโน่ปั่น

เอสเพรสโซ่   2    ช็อต   (60 มิลลิลิตร)

นมสดเย็น    50    มิลลิลิตร

ครีมเทียม   50   มิลลิลิตร

นมข้นจืด   25    มิลลิลิตร

ผงปั่น   50   กรัม

น้ำแข็ง   1    แก้ว    (22 ออนซ์)

วิธีทำ คาปูชิโน่ ปั่น

1. ชงกาแฟเอสเพรสโซ่มาตามปริมาณที่สูตรแนะนำ สามารถใช้ได้จากกาแฟสำเร็จรูปและกาแฟสดตามอุปกรณ์และความสะดวกของคุณกันได้เลย

2. เมื่อได้กาแฟมาให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นจากนั้นตามด้วยน้ำแข็ง ครีมเทียม นมข้นจืด นมสด ผงปั่น แล้วทำการปั่นให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน

3. เมื่อเครื่องดื่มละเอียดดีแล้วให้นำมาใส่แก้ว โดยอาจเพิ่มวิปปิ้งครีม ราดคาราเมล โรยผงโกโก้ หรือผงชินามอนลงไปเพื่อเป็นการตกแต่งพร้อมกับเพิ่มรสชาติตามสไตล์ที่คุณชอบ

บอกเลยว่านี่คือสูตรคาปูชิโน่ปั่นที่ใกล้เคียงกับคาปูซิโน่ปั่นอเมซอนมากที่สุด และถือเป็นสูตรคาปูชิโน่ปั่น 22 ออนซ์ที่ได้รับความนิยมและทำง่ายมากที่สุดสูตรหนึ่งอีกด้วย โดยคาปูชิโน่ปั่นกี่แคลถ้าคุณอยากรู้เราก็ได้เตรียมข้อมูลมาเฉลยให้หายคาใจแล้วว่าอยู่ที่ประมาณ 320 แคลลอรี่นั่นเอง

Categories
หน้าแรก

ทาร์ตไข่ ขนมหวานที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน

เมื่อพูดถึง ทาร์ตไข่ หลาย ๆ คนคงต้องนึกถึงทาร์ตไข่จาก KFC เนื่องจากช่วงหนึ่งโฆษณาทาร์ตไข่ของ KFC นั้น เป็นไวรัลอย่างมาก แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าประวัติของทาร์ตไข่นั้นมีมายาวนานตั้งแต่ปี 1700 หรือมากกว่า 300 กว่าปีมาแล้ว ในวัด Jeronimos ของประเทศโปรตุเกส จนกระทั่งในปี 1820 รัฐบาลโปรตุเกสได้ยกเลิกการให้เงินกับวัด ดังนั้นหลวงพ่อ และแม่ชีในวัด Jeronimos จึงได้ทำทาร์ตไข่ออกขายเพื่อหารายได้เข้าวัด และเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนถึงปัจจุบันนี้ และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศฮ่องกง และมาเก๊า

สูตรทำ ทาร์ตไข่ แบบโฮมเมด

สำหรับการทำทาร์ตไข่นั้นเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ได้ยากเท่าที่คุณคิด เนื่องจากปัจจุบันสูตรทำทาร์ตไข่นั้นได้มีการดัดแปลงให้สามารถทำได้ง่ายขึ้น และในวันนี้เราจะมาแนะนำสูตรทำทาร์ตไข่สไตล์โฮมเมด ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยมีส่วนผสมทาร์ตไข่ สำหรับทาร์ตชิ้นเล็ก 12 ชิ้น ดังนี้

  1. แป้งพายถ้วย
  2. วิปปิ้งครีมสด (สำหรับทำขนม) 200 กรัม
  3. นมสด 200 กรัม
  4. ไข่ไก่เบอร์ 0 จำนวน 3 ฟอง
  5. น้ำตาล (สำหรับทำขนม) 100 กรับ (ชอบหวานเพิ่มได้)
  6. เกลือ ครึ่งช้อนชา
  7. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำทาร์ตไข่ ทำง่าย ๆ  สไตล์บ้าน ๆ

  1. ตั้งไฟอ่อนสำหรับทำไส้ทาร์ต ใช้เทคนิค Double Bolling เพื่อไม่ให้ไส้ทาร์ตโดนความร้อนโดยตรง ใส่ไข่ที่ตีแล้วลงไปในหม้อ และผสมกับน้ำตาล ระวังอย่างให้ไข่สุก
  2. เมื่อน้ำตาลละลาย ให้ใส่นมสด คนต่อไปจนส่วนผสมในหม้อเข้ากันดี จากนั้นในใส่วิปครีม กลิ่นวานิลลา เกลือ
  3. เมื่อคนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันดีแล้ว ให้นำไส้ที่ได้ออกมากรองโดยใช้กระชอนที่มีตาถี่ เพื่อให้ไส้ทาร์ตมีความเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
  4. จากนั้นเทลงพิมพ์แป้งพายถ้วยในปริมาณที่พอดี
  5. อบด้วยอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 – 15 นาที

วิธีทำทาร์ตไข่ วิธีนี้ สามารถใช้ได้ทั้งเตาอบทั่วไป และเตาอบลมร้อน ซึ่งเราเชื่อว่าหลาย ๆ บ้านมีกันอยู่แล้ว นอกจากนี้หาใครที่อยากทำทาร์ตไข่ที่มีการเพิ่มไส้ผลไม้ต่าง ๆ เช่นกล้วย หรือเบอร์รีก็สามารถเพิ่มเข้าไปก่อนที่จะนำเข้าเตาอบได้เลย อย่างไรก็ตาม ทาร์ตไข่เป็นขนมที่อาจจะไม่มีสูตรตายตัวนัก ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงอาจจะมีสูตรเฉพาะของตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ

Categories
หน้าแรก เค้ก

บราวนี่ปอนด์ มิติใหม่ของการทำบราวนี่

บราวนี่ เป็นขนมที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 19 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นขนมที่เกิดจากความผิดพลาดในขณะทำเค้กที่ลืมใส่ผงฟูลงไปในเค้ก จึงทำให้เนื้อขนมที่ได้มีความแข็ง แต่ยังคงมีรสชาติที่อร่อย จนได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันบราวนี่ปอนด์ กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นในวันนี้เราจึงได้นำสูตร บราวนี่ปอนด์ มาฝากทุกคนที่กำลังอยากจะทำบราวนี่ขาย หรือทำเป็นงานอดิเรก

ส่วนผสมทำบราวนีปอนด์ ทำทานก็ได้ ทำขายก็ดี

สำหรับใครที่อยากลองทำบราวนี่ปอนด์ วันนี้เราได้นำข้อมูลเกี่ยวกับ ส่วนผสมของบราวนี่ปอนด์มาไว้ให้ทุกคนแล้ว โดยสูตรบราวนี่ปอนด์ ที่เราได้นำมาฝากทุกคนวันนี้ เป็นสูตรสำหรับ 1 ปอนด์ ซึ่งมีส่วนผสม ดังนี้

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 88 กรัม
  2. ผงโกโก้ 13 กรัม
  3. ดาร์กช็อกโกแลต 50% 100 กรัม
  4. ผงฟู 1 ช้อนชา
  5. เกลือป่น ½  ช้อนชา
  6. เนยจืดละลาย 100 กรัม
  7. น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม (ชอบหวานเพิ่มได้)
  8. ไข่ไก่เบอร์ 3 2 ฟอง
  9. ท็อปปิ้ง / ธัญพืชที่ต้งการใส่ เช่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือ อัลมอล เป็นต้น

วิธีทำ บราวนี่ปอนด์

มาถึงในส่วนของวิธีทำบราวนี่ปอนด์ สำหรับใครที่อาจจะสงสัยว่า บราวนี่ 1 ปอนด์อบกี่นาที วันนี้เราได้หาคำตอบมาให้ทุกคนแล้วค่ะ โดยบราวนี่ปอนด์ มีวิธีการทำดังนี้

  1. เตรียมเตาอบ โดยการเปิดไฟบน – ล่างไว้ที่ 200 องศาเซลเซียส
  2. ร่อนแป้ง ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือรวมกัน และพักทิ้งไว้
  3. ละลายดาร์คช็อกโกแลต ด้วยเทคนิค Double Bolling
  4. ใส่เนยละลาย และน้ำตาลลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ดาร์กช็อกโกแลตที่ละลายลงไป
  5. ค่อย ๆ ใส่แป้งที่พักไว้ลงไปที่ละน้อย และตีจนเข้ากัน
  6. เทส่วนผสมทั้งหมดลงในพิมพ์ที่ปูแผ่นฟอยล์ จากนั้นใส่ท็อปปิ้งลงไป
  7. นำไปอบในเตา 25 – 30 นาที

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้บราวนี่ปอนด์ สุดแสนอร่อยไว้ทาน ไว้ขาย หรือ ไว้เป็นของขวัญให้กับคนพิเศษได้แล้วค่ะ

Categories
หน้าแรก เค้ก

เค้กมินิมอล เค้กสไตล์น่ารัก ๆ ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

หากพูดถึง เค้ก หลาย ๆ คนคงทราบกันดีว่าเป็นขนมที่มีอิทธิพลมาจากตะวันตก แต่สำหรับเค้กมินิมอล (Minimal Cake) เป็นสไตล์การตกแต่งหน้าเค้กที่มีความมินิมอล สวย และที่สำคัญเหมาะกับการให้ในหลาย ๆ โอกาส และเนื้อเค้กจะมีหลากหลายรสชาติให้เลือก เช่นเค้กช็อกโกแล็ต, ใบเตย หรือวานิลลา เป็นต้น และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูวิธีการทำ และส่วนผสมของ เค้กมินิมอล โดยจะเป็นสูตรสำหรับทำบลูเบอร์รีชีสเค้กนั่นเอง

ส่วนผสมของบลูเบอร์รีชีสเค้ก ตามสไตล์ เค้กมินิมอล

สำหรับเค้กมินิมอลนั้น เป็นเค้กที่เราสามารถเลือกรสชาติ หรือเนื้อเค้กได้เองตามที่เราชอบ และในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก ตามสไตล์เค้กมินิมอล โดยมีส่วนผสมของบลูเบอร์รีชีสเค้ก สำหรับขนาด 1 ปอนด์ ดังนี้

  1. แครกเกอร์ / บิสกิต 90 กรัม
  2. เนยจืด 40 กรัม
  3. ครีมชีส 250 กรัม
  4. น้ำตาลทราย 46 กรัม
  5. ไข่ไก่ 55 กรัม (เบอร์ 0 1 ฟอง)
  6. น้ำมะนาว 20 กรัม
  7. แป้งเค้ก 30 กรัม
  8. วิปครีมสด 200 กรัม
  9. บลูเบอร์รี (ตามชอบ)

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก ให้ออกมาเป็นเค้กมินิมอลนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบเช่น นำบลูเบอร์รีไปอบพร้อมกับเค้ก หรือทำซอสบลูเบอร์รีราดหน้าเค้กภายหลังอบเสร็จ และสำหรับสูตรที่เราจะพาทุกคนนำไปเป็นแนวทางในวันนี้ คือบลูเบอร์รีชีสเค้ก ที่นำลูกบลูเบอร์รีสดนำไปอบพร้อมเนื้อเค้ก โดยมีวิธีการทำดังนี้

  1. เตรียมฐานเค้ก โดยนำบิสกิตไปบดให้ละเอียด และใส่เนยลงไป จากนั้นผสมให้เข้ากัน
  2. นำบิสกิตที่ได้เทลงในพิมพ์ และกดให้แน่น
  3. ทำเนื้อครีม นำวิปปครีบที่อยู่ในอุณหภูมิห้องมาตี จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  4. ใส่ไข่ลงไปตี และตามด้วยแป้งและนม
  5. เมื่อตีเนื้อครีมจนได้เนื้อเดียวกันให้นำมาเทใส่พิมพ์
  6. ใส่ลูกบลูเบอร์รีสดลงไปในเนื้อครีม
  7. ไฟ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน – ล่าง เป็นเวลา 30 นาที

ทั้งนี้หากใครที่อยากใช้ซอสบลูเบอร์รี แทนลูกบลูเบอร์รีสด ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งจะใช้ราดหลังจากอบเค้กเสร็จ หรือใส่ลงไปอบพร้อมกันกับเค้กก็ได้เช่นกัน และเค้กที่ได้ก็จะมีความแตกต่างกันออกไปนั่นเอง