อีกหนึ่งเมนูสร้างอาชีพที่ทำง่ายมากๆนั่นก็คือ ตะโก้ เป็นขนมไทยโบราณที่มีสีสันสวยงามน่ารับประทาน อัดแน่นไปด้วยกะทิ รสชาติหวานมันตัดเค็มนิดๆ แถมด้วยไส้ต่างๆที่รองอยู่ด้านล่างของขนม วิธีทำตะโก้ง่ายมากๆมีเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น วันนี้เรามีสูตรตะโก้หลายหน้า หลายรสชาติมาฝากกันค่ะ หากพร้อมแล้วมาดูวัตถุดิบและเตรียมเข้าครัวกันเลย
หากใครไปเที่ยวหัวหินคงคุ้นหน้าคุ้นตากับตะโก้เสวยร้านเบญจพงศ์ ที่ครั้งหนึ่งเคยนำตะโก้ขึ้นโต๊ะเสวยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่วังไกลกังวล เราเลยหยิบสูตรตะโก้เผือกวังไกลกังวลมาฝากกันค่ะ เป็นสูตรตะโก้ชาววังที่สืบทอดต่อๆกันมา รสชาติหวานมัน หอมกลิ่นกะทิและเผือก
มาดูส่วนผสมและวิธีทำกัน ตะโก้ เลยค่ะ
ส่วนผสมตัวตะโก้
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
เผือกหั่นเต๋าเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 150 กรัม
เกลือป่นปลายช้อนชา
ส่วนผสมหน้าตะโก้
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
หางกะทิหรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
นำเผือกหั่นเต๋าไปนึ่งให้สุก ผสมส่วนของตัวตะโก้ให้เข้ากันแล้วใส่เผือกลงไปขยี้ให้ละเอียดเล็กน้อย นำไปกวนบนไฟอ่อนถึงปานกลางจนข้นขึ้น จากนั้นตักหยอดใส่ในกระทงที่เตรียมไว้
ผสมส่วนของหน้ากะทิให้เข้ากันแล้วนำไปตั้งบนไฟอ่อน กวนจนข้นสุกแล้วตักราดลงบนตัวตะโก้ ตกแต่งหน้าด้วยเผือกชิ้นเล็กๆเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ตะโก้ไม่ได้มีเพียงแค่ไส้เผือกเท่านั้นนะคะ ยังมีไส้อื่นๆอีกมากมาย ทั้งแห้ว สาคูมะพร้าวอ่อน ทับทิมกรอบ อีกไส้หนึ่งที่เป็นที่นิยมก็คือไส้ข้าวโพด ความหวานหอมที่ได้จากตัวตะโก้บวกกับความหวานจากข้าวโพดสีเหลืองนวลนั้นเข้ากันสุดๆไปเลยค่ะ
วิธีทำตะโก้ข้าวโพดโบราณคล้ายกับการทำตะโก้ไส้อื่นๆ เพียงแต่เปลี่ยนตัวไส้เป็นข้าวโพดแทน และที่บอกว่าเป็นสูตรโบราณเพราะว่าตัวกะทิจะเหนียวข้น กลมกล่อมเป็นพิเศษ เรามาดูวัตถุดิบและวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ
ส่วนผสมตัวตะโก้
ข้าวโพดต้มสุก 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 150 กรัม
แป้งมัน 70 กรัม
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสมหน้าตะโก้
กะทิ 500 มิลลิลิตร
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 50 กรัม
แป้งมัน 70 กรัม
ใบเตย 1 ใบ
นำส่วนผสมทั้งหมดของตัวตะโก้ใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง กวนจนแป้งสุกและหนืดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นตักส่วนผสมที่ได้ใส่กระทงใบตองหรือกระทงใบเตยที่เตรียมไว้ พักไว้ในอุณหภูมิห้องจนเซตตัว
ระหว่างรอมาเตรียมส่วนของกะทิกันเลยค่ะ นำหม้อขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือ แป้งมัน และใบเตย คนให้เข้ากันจนแป้งสุกและหนืดขึ้น ตักส่วนผสมของกะทิใส่ในกระทงที่มีส่วนของตัวตะโก้อยู่ พักไว้ให้เซตตัว แต่งหน้าขนมด้วยข้าวโพดต้มสุก พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ ด้วยความหวานมันจากกะทิและน้ำตาลทราย หลายคนคงกลัวว่ากินขนมตะโก้แล้วจะอ้วนไหม แต่ว่าตะโก้แคลอรี่ค่อนข้างต่ำเพียงถ้วยละ 30 แคลอรี่เท่านั้นเอง
เรามาดูสูตรตะโก้ทำขายตามตลาดกันบ้างค่ะ
สมัยนี้ขนมที่เครื่องล้นๆ ไส้ทะลักกำลังมาแรง ตะโก้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ได้พัฒนาตัวเองมาเป็นตะโก้สาคู ที่เหมือนได้กินทั้งสาคูเปียกและตะโก้ในชิ้นเดียว ตะโก้หน้าแฟนตาซี ที่จับเอาขนมหวานต่างๆมาโรยหน้า ให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกหลายๆอย่าง แต่ไส้ที่ขายดีมากๆและมีแทบจะทุกตลาดเลยคือตะโก้สาคูมะพร้าวอ่อน ไปดูสูตรกันเลยค่ะ
ส่วนผสมตัวตะโก้
สาคูเม็ดเล็ก 150 กรัม
น้ำใบเตย 500 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 120 กรัม
มะพร้าวอ่อนเชื่อม 100 กรัม
ข้าวโพดต้มสุก 100 กรัม
ส่วนผสมหน้าตะโก้
กะทิ 350 มิลลิลิตร
แป้งข้าวเจ้า 30 กรัม
แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ใบเตย 1 ใบ
ล้างสาคูพักไว้จนสะเด็ดน้ำ ตั้งหม้อต้มน้ำใบเตยจนเดือดแล้วใส่สาคูลงไป หมั่นคนให้สาคูไม่จับกันเป็นก้อน จากนั้นใส่ข้าวโพด มะพร้าวอ่อนเชื่อม และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากันจนสาคูสุกเป็นเม็ดใส ตักใส่กระทงแล้วพักไว้ให้เซตตัว
ระหว่างรอมาเตรียมส่วนของกะทิกันเลยค่ะ เริ่มจากตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน เทกะทิลงไปตามด้วยแป้ง เกลือ กวนให้เข้ากันเป็นเนื้อเนียน ปิดไฟแล้วยกลงจากเตา นำไปหยอดด้านบนตัวตะโก้รอให้เซตตัวอีกครั้ง แต่งหน้าด้วยข้าวโพดหรือมะพร้าวอ่อนจะทำให้ดูน่ากินยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าตะโก้เป็นขนมที่ทำง่ายมากๆ ส่วนผสมก็ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องนำไปอบหรือนึ่ง เหมาะสำหรับทำขายเพราะใช้เวลาในการเตรียมไม่นาน แถมยังเป็นขนมไทยโบราณที่คนปัจจุบันยังนิยมทานกันอยู่ หวังว่าสูตรตะโก้นี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างอาชีพของใครหลายๆคนนะคะ