Categories
ขนมหวาน

บัวลอย ไข่หวานเจ้าเพื่อนยาก ที่วิธีทำไม่ได้ยากอย่างที่คิด

บัวลอยไข่หวานไม่ว่าคนรุ่นไหนก็ต้องรู้จักกันนั้น เพราะ บัวลอย คือขนมหวานขึ้นชื่อที่ไม่ว่า ใครมาเมืองไทยแล้วเป็นต้องลองลิ้มและลิ้มลองกันเป็นแน่นอน ซึ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปเดินย่านเยาวราชจะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าย่านนั้นมีร้านบัวลอยไข่หวานร้านดังหลายร้านกันเลยทีเดียว แถมรสชาติก็ถูกปากทั้งหวานทั้งมัน เรียกได้ว่าเป็นขนมหวานที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างก็ชื่นชอบกันมากทีเดียวเลยล่ะค่ะ

แต่ถ้าเกิดใครนึกสนุกอยากจะลองทำบัวลอยไข่หวานขึ้นมา เราก็จัดให้ค่ะ เพราะวิธีการทำนั้นง่ายมาก ๆ ใช้มีวัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่างแถมระยะเวลาก็ไม่นานมากด้วย ซึ่งในวันนี้เราจะมาสอนเพื่อน ๆ ทำ บัวลอย ไข่หวานด้วยกะทิกล่องกันค่ะ เพราะสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยค่ะ

วัตถุดิบ

  1. แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
  2. แป้งข้าวเจ้า 15 กรัม
  3. ฟักทอง แครอทแลละดอกอัญชัน สำหรับทำสีแป้งบัวลอยไข่หวาน (เลือกเองได้ตามใจชอบนะคะ)
  4. กะทิกล่องขนาด 250 กรัม
  5. น้ำตาลมะพร้าว ½ ทัพพี
  6. น้ำตาลทราย 1 ทัพพี (สามารถประมาณได้ตามใจชอบ)
  7. ใบเตยมัดปม 1 มัด
  8. เนื้อมะพร้าว (ตามใจชอบ)
  9. เกลือ ประมาณ 1 หยิบ (ไม่ควรเยอะเกินไป)
  10. ไข่ไก่ หรือ ไข่เป็ด

วิธีทำบัวลอยไข่หวานกะทิกล่อง

  1. นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าผสมกัน ทำเป็นสัดส่วนไว้สำหรับทำสีแป้ง โดยครั้งนี้เราจะทำด้วยกัน 3 สีค่ะ ซึ่งก็ต้องเตรียมผัก 3 อย่าง นั่นก็คือ ฟักทองสำหรับทำแป้งบัวลอยไข่หวานสีเหลือง แครอทสำหรับทำแป้งบัวลอยไข่หวานสีส้ม และดอกอัญชันสำหรับทำบัวลอยไข่หวานสีฟ้าอมม่วงค่ะ ซึ่งเราก็ต้องนำผักทั้ง 3 อย่างนี้ไปทำให้สุกก่อนจากนั้นจึงนำมานวดกับแป้งที่เราได้แบ่งสัดส่วนสำหรับทำสีไว้
  2. นวดจนสีสม่ำเสมอกันนะคะสามารถเติมน้ำอุ่นได้เพื่อให้การปั้นนั้นง่ายขึ้นค่ะ นวดจนกว่าแป้งจะไม่ติดมือ ถ้ารู้สึกว่าแป้งแห้งไปก็สามารถเติมน้ำได้ค่ะ เมื่อเรานวดแป้งทั้ง 3 สีเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็มาลงมือปั้นแป้งบัวลอยไข่หวานกันเลยค่ะ
  3. ขั้นตอนการปั้นแป้งบัวลอยไข่หวานนี้ง่าย ๆ มากเลยค่ะ เพียงแค่ปั้แป้งนลูกบัวลอยเป็นรูปวงกลมขนาดพอดีคำ หรือใครที่อยากปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ก็สามารถทำได้เลยนะคะ  เมื่อปั้นเสร็จแล้วให้นำแป้งข้าวเหนียวคลุกเล็กน้อยเพื่อเวลาที่ต้ม ตัวแป้งบัวลอยไข่หวานที่เราปั้นไว้จะได้ไม่ติดกันนั่นเองค่ะ
  4. เมื่อเราปั้นแป้งบัวลอยไข่หวานเสร็จแล้วเราก็นำมาต้ม โดยเราจะต้องต้มน้ำตั้งไฟให้เดือดแล้วจากนั้นนำแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ลงทีละสี รอจนกว่าบัวลอยจะลอยขึ้นมาถ้าลอยขึ้นมาแล้วก็หมายความว่าสุกแล้วค่ะ
  5. เมื่อบัวลอยสุกเราเราก็จะมานำบัวลอยไปน็อกกับน้ำเย็น อีกอึดใจเดียวเราก็จะได้ทานบัวลอยไข่หวานกันแล้ว
  6. เมื่อเราเตรียมแป้งเสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปเราก็จะมาทำน้ำกะทิสำหรับทำบัวลอยไข่หวานกันเลยค่ะ โดยเราจะนำกะทิกล่องมาต้มในระหว่างที่ต้มนั้นให้เราใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทราย เกลือ ใบเตยมัดปมและเนื้อมะพร้าวลงไป
  7.  เมื่อน้ำเริ่มเดือดได้ที่ให้ตอกไข่ลงไป ซึ่งปกติแล้วเราจะเห็นตามร้าน 1 ถ้วยก็จะมีไข่ให้ 1 ใบใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราทำกินเองก็ตามใจชอบเลยค่ะ ต้มไว้ประมาณ 4-5 นาที แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

เห็นไหมล่ะคะว่าการทำบัวลอยไข่หวานที่ทั้งหอม หวาน มัน เนี่ยไม่ได้ยากเลย ยิ่งถ้าเป็นบัวลอยไข่หวานกะทิกล่องแล้วก็ยิ่งทำง่ายค่ะ เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปคั้นน้ำมะพร้าวแบบบัวลอยไข่หวานกะทิสด ซึ่งก็ทำให้เราได้ทานบัวลอยไข่หวานในระยะเวลาที่เร็วยิ่งขึ้น แถมยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกต่างหาก ถ้าหากว่าคุณนึกอยากทำขนมหวานแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี ก็สามารถทำบัวลอยไข่หวานทานกันได้นะคะ

Categories
ขนมไทย

มารู้จักขนมไทยยอดฮิตอย่าง ขนมถ้วยฟู กัน

หนึ่งในขนมไทยที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดต้องมีชื่อของ ขนมถ้วยฟู ติดอันดับอยู่อย่างแน่นอน ขนมชนิดนี้ถือว่าเป็นขนมมงคลมักจะใช้ในหลาย ๆ โอกาส เพราะมีความหมายที่คล้ายกับความเฟื่องฟูรุ่งเรืองนั่นเอง

วันนี้เราจะพาคุณมาลองทำขนมถ้วยฟูด้วยตัวเองกัน บอกเลยว่าวิธีทำไม่ยาก มีลูกเล่นที่สีสันออกแบบได้ตามต้องการ และทุกคนทำได้อร่อยกันอย่างแน่นอน

วัตถุดิบของขนมถ้วยฟู

แป้งสาลี                        200      กรัม

ผงฟู                              1          ช้อนชา

ไข่ไก่สด                         2          ฟอง

น้ำ                                100      กรัม

น้ำมะนาว                      1          ช้อนชา

กลิ่นมะลิ                       ½         ช้อนชา

น้ำตาล                          180      กรัม

SP                                10        กรัม

นมข้นจืด                       50        กรัม

สีผสมอาหาร                              สีตามที่ชอบหรือต้องการกันได้เลย

วิธีทำเค้กถ้วยฟู

1. เตรียมน้ำเปล่าใส่ถังเอาไว้ประมาณ 3ใน 5 ของถัง จากนั้นนำผ้าขาวบางมาห่อฝาเพื่อทำการปิดลังเอาไว้ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหยดใส่ขนม

2. ร่อนแป้งและผงฟูเข้าด้วยกัน จากนั้นทำการพักไว้

3. ตีไข่ไก่ น้ำตาล และ SP ด้วยกันในความเร็วสูงสุดประมาณ 5 นาที หรือตีจนสังเกตได้ถึงความข้นเหนียวระหว่างนี้ก็เตรียมเตานึ่ง โดยทำการตั้งไฟแรงสุดจนน้ำเดือด

4. เติมแป้งถ้วยฟูพร้อมผงฟูที่ร่อนไว้ลงไปตีแต่ต้องค่อย ๆ เติมลงไปทีละน้อยและตีช้า ๆ จนแป้งหมด จากนั้นตีต่ออีก 1 นาที

5. เติมนมจืด น้ำมะนาว และกลิ่นมะลิลงไป จากนั้นเริ่มเปลี่ยนมาตีด้วยความเร็วสูงอีก 5 นาที สลับกลับมาตีเบาอีก 1 นาที เพื่อไล่ฟองอากาศ

6. แบ่งส่วนผสมตามสีที่ต้องการ ขั้นตอนนี้ไม่จำกัดสามารถทำได้ตามที่คุณต้องการ โดยทำการหยอดสีลงที่ขนมทีละหยด คนให้สีเข้ากับแป้งและเพิ่มลดความเข้มอ่อนได้ตามที่ชอบ

7. เตรียมถ้วยกระดาษรองด้วยพิมพ์อลูมิเนียม ตักแป้งเติมลงให้เต็มถ้วย

8. วางขนมลงไปในหม้อนึ่ง หรี่ไฟให้เป็นไฟอ่อน นึ่งประมาณ 15 นาที

muffin cup cake or cotton-wool cake dessert thailand.

เมนูนี้มีความสนุกและน่าสนใจอยู่ที่สีของ ขนมถ้วยฟู นั่นเอง ถ้าใครอยากลองทำขนมไทยสไตล์น่ารักบอกเลยว่าไม่ควรพลาดเมนูนี้ รับรองว่าเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและเป็นมงคลในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอน

Categories
ขนมไทย

ขนมตาล ขนมไทยที่คุณไม่ควรพลาดการทำด้วยตัวเอง

ต้องบอกเลยว่าไทยเรานั้นโดดเด่นในเรื่องของอาหารการกินและขนมมากเป็นพิเศษ อย่างที่พอจะรู้ว่าขนมไทยนั้นมีหลากหลาย เช่น ขนมตาล และแต่ละชนิดยังมีรายละเอียดที่แสนจะมีเสน่ห์อีกด้วย

นี่คือเมนูขนมไทยที่ถือว่าเป็นของว่างไทยง่าย ๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่ชอบทานขนมตาลอยู่แล้วลองหันมาทำเองก็น่าจะช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินและเป็นกิจกรรมคลายเครียดที่ดีไม่น้อย รับรองว่าสูตรนี้ทำแล้วอร่อยไม่แพ้เจ้าดังอย่างแน่นอน

วัตถุดิบในการทำขนมตาล

น้ำตาลทราย                  400      กรัม

กะทิ                              3          ถ้วย

เนื้อลูกตาลสุก                400      กรัม

แป้งข้าวเจ้า                    500      กรัม

ผงฟู                              1          ช้อนโต๊ะ

มะพร้าวขูดเส้นเล็ก         2          ถ้วย

เกลือ                                         เล็กน้อยไว้ใช้คลุกมะพร้าว

วิธีทำขนมตาลของว่างไทยง่าย ๆ

1. เริ่มจากการนำน้ำตาลมาละลายในกะทิ จากนั้นคนเบา ๆ ให้เข้ากันแล้วใส่เนื้อลูกตาลลงไป

2. เติมแป้งข้าวเจ้าและผงฟูลงไปจากนั้นก็ทำการคนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน

3. กรองส่วนผสมแล้วพักเอาไว้ประมาณ 10 นาที จนสังเกตได้ว่าขนมขึ้นฟู

4. ใส่น้ำลงในหม้อนึ่งแล้งทำการเรียงถ้วยตะไลตามถนัดเว้นระยะห่างเล็กน้อย เปิดไฟกลางเตรียมอุ่นเอาไว้

5. ตักส่วนผสมหยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็ม จากนั้นโรยด้วยมะพร้าวคลุกเกลือ ทำการนึ่งประมาณ 15-20 นาที

6. ยกลงจากเตา พักให้เย็น จากนั้นค่อยแซะออกจากถ้วย และทำการเสิร์ฟถ้วยฟูลูกตาลได้เลย

นี่คือเมนูขนมไทยที่ถือว่าเป็นของว่างไทยง่าย ๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่ชอบทานขนมตาลอยู่แล้วลองหันมาทำเองก็น่าจะช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินและเป็นกิจกรรมคลายเครียดที่ดีไม่น้อย รับรองว่าสูตรนี้ทำแล้วอร่อยไม่แพ้เจ้าดังอย่างแน่นอน

Categories
ขนมไทย

หม้อแกง ที่ไม่ใช่แกงแต่เป็นขนมไทย

เห็นครั้งแรกหลายคนอาจคิด หม้อแกง เป็นขนมไทยที่ทำได้ยาก แต่พอได้รู้จักกับสูตรหม้อแกงโบราณซึ่งเป็นหม้อแกงไข่เนื้อเนียนสูตรนี้กันไปแล้วน่าจะทำให้คุณเริ่มอยากเข้าครัวไปโชว์ฝีมือกันแล้วอย่างแน่นอน สำหรับใครที่สนใจอยากจะรู้จักกับขนมชนิดนี้ให้มากขึ้น

วันนี้เราลองมาดูสูตรและวิธีทำของขนมไทยชนิดนี้กันดีกว่า เผื่อถ้าโดนใจอยากลองทำคุณอาจจะกลายเป็นเชฟขนมไทยคนต่อไปก็เป็นได้

วัตถุดิบขนมไทยสูตรหม้อแกงโบราณ

                ขนมหม้อแกงที่เราหยิบมาแนะนำให้คุณลองทำกันแบบง่าย ๆ ในวันนี้คือ หม้อแกงไข่ ซึ่งบอกเลยว่าคุณจะได้หม้อแกงไข่เนื้อเนียนออกมาทานกันอย่างแน่นอน

หอมแดงซอย                  12        หัว

น้ำมันพืช

ไข่เป็ด                           8          ฟอง

เกลือป่น                        ½         ช้อนชา

กะทิ                              500      กรัม

แป้งข้าวเจ้า                    2          ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลปี๊บ                     1          ถ้วยตวง

ใบเตย                           6          ใบ

วิธีทำหม้อแกงไข่เนื้อเนียน

1. เริ่มจากการเจียวหอมแดงด้วยน้ำมันพืชพอหอมเริ่มเป็นสีเหลืองให้ตักขึ้นพักและนำน้ำมันตักเก็บใส่ถ้วย

2. ตอกไข่ใส่ชามและทำการใส่เกลือป่นลงไปจากนั้นตีไข่ให้ขึ้นฟู

3. ผสมไข่ กะทิ แป้ง น้ำตาลปี๊บ และใบเตย แล้วขยำให้เข้ากัน สังเกตจนน้ำตาลละลาย แล้วค่อยนำส่วนผสมที่ได้ไปกรองกับผ้าขาวบาง

4. ใช้น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมมาทาให้ทั่วพิมพ์อบ แล้วทำการเทส่วนผสมที่กรองแล้วใส่พิมพ์ จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 175 องศาฯ อบประมาณ 30 นาที อาจเพิ่มลดเวลาด้วยการสังเกตความสุก 5. เมื่อสุกแล้วให้ทาหน้าขนมด้วยน้ำมันที่เจียวหอมแดง และทำการโรยหน้าด้วยหอมเจียว เพียงเท่านนี้ก็พร้อมตัดหม้อแกงเป็นชิ้นเสิร์ฟกันแล้ว

เห็นครั้งแรกหลายคนอาจคิดหม้อแกงเป็นขนมไทยที่ทำได้ยาก แต่พอได้รู้จักกับสูตรหม้อแกงโบราณซึ่งเป็นหม้อแกงไข่เนื้อเนียนสูตรนี้กันไปแล้วน่าจะทำให้คุณเริ่มอยากเข้าครัวไปโชว์ฝีมือกันแล้วอย่างแน่นอน

Categories
ขนมคลีน

มาเก็บสูตร บราวนี่คลีน ขนมสุดฮิตกัน

ถ้าพูดถึงขนมกันขึ้นมาเมนูอย่างบราวนี่นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในเมนูที่ขึ้นมาในความคิดของใครหลาย ๆ คนแถมยังเป็นของโปรดอีกด้วย แต่ในยุคนี้การดูแลสุขภาพก็สำคัญเราเลยอยากมาแนะนำเมนู บราวนี่คลีน ให้คุณได้รู้จัก เพราะจะทำให้คุณทั้งได้ทานขนมคลีนไปพร้อมกับดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน วัตถุดิบและวิธีทำขนมชนิดนี้จะมีอะไรบ้างมาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบบราวนี่คลีน

ไข่ไก่                               1        ฟอง

กรีกโยเกิร์ต                      ¾       ถ้วยตวง

โอ๊ต                                ½       ถ้วย

ผงโกโก้ 100%                 ½       ถ้วยตวง

ผงฟู                               1        ช้อนชา

นมอัลมอนด์           ¼      ถ้วยตวง

สารแทนความหวาน         2        ช้อนชา

เกลือชมพูเล็กน้อย

วิธีทำบราวนี่คลีน

1. นำเครื่องปั่นมาทำการให้ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

2. เมื่อปั่นจนเห็นว่าเนื้อเข้ากันได้เป็นอย่างดีแล้วให้คุณเทเนื้อบราวนี่ทั้งหมดลงใส่พิมพ์ที่เตรียมเอาไว้

3. โรยหน้าด้วยท็อปปิ้งตามที่คุณชอบแนะนำว่าถั่วช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีที่สุด จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาฯ และทำการอบเป็นเวลา 15 นาที

4. เมื่อสุกเรียบร้อยแล้วนำออกมาพักไว้ให้บราวนี่คลีนเนื้อหนึบเซ็ตตัวจากนั้นสามารถหั่นเป็นชิ้นเพื่อเสิร์ฟกันได้เลย

         สูตรขนมคลีนอย่างบราวนี่คลีนในวันนี้นั้นเป็นสูตรที่เรียกได้ว่าบราวนี่คลีนเนื้อหนึบทุกคนทานได้อย่างถูกใจแน่นอน และถ้าสังเกตให้ดียังเป็นสูตรบราวนี่ไร้แป้งที่เติมมันหวานเพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย ยกให้เป็นมนูขนมอร่อยได้สุขภาพแห่งยุคกันไปเลย