Categories
ขนมไทย

ขนมกลีบลำดวน ของหวานไทยโบราณกลีบดอกจีบสวย สีสันสะดุดคา

ขนมกลีบลำดวน

ขนมกลีบลำดวน เป็นขนมไทยที่นิยมเป็นอย่างมาก ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนเมนูขนมชนิดอื่น ๆ ซึ่งจะปั้นขนมให้เป็นรูปของดอกลีบลำดวน แต่งเติมสีสันให้สวยสดใสได้ตามความชอบ ดังนั้นการทำขนมชนิดนี้จะต้องมีความประณีต เพื่อให้ขนมออกมาสวยน่ารับประทาน อร่อยมาก เวลาทานแล้ว ให้ความรู้สึกว่าเหมือนขนมกำลังละลายในปากเลยทีเดียว

ขนมกลีบลำดวน

ขนมกลีบลำดวน ทำง่าย ส่วนผสมน้อยทำขายก็ดี ทำทานก็อร่อย

ขนมกลีบลำดวนถึงแม้ว่าจะเป็นขนมหวานไทยโบราณที่มีมานาน แต่ทว่าส่วนผสม วัตถุดิบในการทำของขนมชนิดนี้ ไม่เยอะเลย เป็นของที่หาได้ทั่วไป และราคาไม่แพงอีกด้วย ดังนั้นมาดูกันเลยว่า กลีบลำดวน ทำเอง ในวันนี้ ต้องมีส่วนผสม และวัตถุดิบอะไรบ้าง

กลีบลำดวน ส่วนผสม และวัตถุดิบในการทำ

1. แป้งอเนกประสงค์                380               กรัม

2. เกลือ                               2                  ช้อนชา

3. น้ำตาลไอซิ่ง                       150               กรัม

4. สีผสมอาหาร เลือกสีได้ตามชอบ   1/4              ช้อนชา

5. น้ำมันพืช                          150               มิลลิลิตร          

เห็นไหมว่าส่วนผสมน้อยมากจริง ๆ ซึ่งมีเพียงแค่ 5 รายการเท่านั้น  ทำกลีบลำดวนได้หลายอันเลย ดังนั้นหากเตรียมครบทุกอย่างแล้ว ก็เข้าครัวโชว์ฝีมือทำกลีบลำดวนสวย ๆ กันเลย

ขนมกลีบลำดวน

กลีบลำดวน แจกสูตรสอนทำแบบละเอียดทุกขั้นตอน

ขนมกลีบลำดวนนอกจากมีส่วนผสม วัตถุดิบไม่มากแล้วยังมีวิธีการทำที่แสนง่ายอีกด้วย แนะนำเลยว่าหากใครกำลังมองหาขนมทำขาย และได้กำไรเยอะ ทำไม่ยุ่งยากต้องกลีบลำดวนเลย วันนี้จะมาบอกสูตร ขนมกลีบลำดวน ให้ทุกคนได้ลองทำตาม มาดูกันว่ากลีบลำดวน สูตรละลายในปาก อร่อย หวาน กลมกล่อมอย่างลงตัว มีวิธีการทำอย่างไร

วิธีทำ

1. ขั้นตอนแรกจะต้องวอร์มเตาอบก่อน ซึ่งใช้ไฟบน และล่าง ตั้งไว้ที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส

2. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ และน้ำตาลไอซิ่ง ซึ่งจะต้องทำการร่อนประมาณ 1-2 ครั้ง จนได้เนื้อแป้งที่เนียน แล้วผสมเข้าด้วยเกลือ

3. ค่อย ๆ เทน้ำมันลงไปทีละนิด ระหว่างเทต้องคนไปด้วยเพื่อให้แป้งเกาะกัน

4. เมื่อได้แป้งที่พอดีแล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่สองจะนำไปผสมกับสีผสมอาหาร จนได้สีที่สวย แล้วพักไว้ประมาณ 15 นาที

5. ขึ้นรูปเป็นกลีบลำดวนได้เลย โดยจะปั้นเป็นก้อนกลมก่อน แล้วแบ่งเป็นสามกลีบ พร้อมกับทำเกสรกลม ๆ ตรงกลาง ซึ่งตรงกลางจะใช้ส่วนแป้งที่ผสมสี

6. นำขนมไปอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที เมื่อสุกแล้วนำออกจากเตา รอให้เย็นลง จากนั้นก็นำไปอบควันเทียนให้หอมยิ่งขึ้น

7. จัดเสิร์ฟความอร่อย ทานคู่กับกาแฟ น้ำชา นมอุ่น ๆ หรือทานเป็นขนมว่างก็อร่อยทุกอย่าง         

ขนมกลีบลำดวนเป็นขนมไทยโบราณ ที่มีหน้าตาเป็นรูปดอกไม้สุดน่ารัก รสชาติ ขนมกลีบลำดวนจะหวานกลมกล่อม ไม่หวานบาดคอ และมีความเค็มเล็กน้อย ซึ่งหากใครอยากลองทำดู ก็สามารถนำสูตรนี้ไปทดลองได้เลย หากคล่องแล้ว ฝีมือนิ่ง สามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้เลย ขายดีเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน

Categories
ขนมไทย

เปียกปูนกะทิสด ขนมไทยขวัญใจมหาชน ทำขายกำไรงาม

เปียกปูนกะทิสด

เปียกปูนกะทิสด นั้นเป็นขนมไทยที่มีรสชาติหวานมันและหอมกะทิคล้ายกับสังขยา ความจริงแล้ววิธีการทำดัดแปลงมาจากกาละแม แต่ทว่าใส่น้ำปูนใสและราดกะทิสดเข้าไปด้วยจึงได้ชื่อว่าขนมเปียกปูนกะทิสด เป็นหนึ่งในของหวานไทยที่ทำง่ายที่สุด ไร้ความยุ่งยากและได้กำไรงามอย่างแน่นอนหากทำขาย แต่ก็ใช้วัตถุดิบในการทำมากพอสมควร

เปียกปูนกะทิสด ใส่อะไรบ้าง

            เปียกปูนกะทิสดนั้นใช้วัตถุดิบในการทำค่อนข้างเยอะ หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าจะประหยัดจริงไหม หากอยาก ทำขนมขาย เปียกปูนจะตอบโจทย์หรือเปล่า หรือกังวลว่าถ้าทำกินเองงบจะบานปลายจนเกินไป บอกเลยเจ้า ขนมไทย ชนิดนี้ไม่ได้ลงทุนเยอะอย่างที่คิด เพราะวัตถุดิบในการทำนั้นราคาไม่แพง

เปียกปูนกะทิสด

วัตถุดิบเนื้อขนม

            1.แป้งเท้ายายม่อม 4 ช้อนโต๊ะ

            2.แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง

            3.แป้งมัน ½ ถ้วยตวง

            4.น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

            5.น้ำตาลปี๊บ 240 กรัม

            6.น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง

            7.น้ำใบเตย 4 ถ้วยตวง

          วัตถุดิบทำกะทิราดหน้า

            1.กะทิ 310 กรัม

            2.เกลือ 5 กรัม

            3.แป้งข้างเจ้า 6.5 กรัม

            4.งาขาวคั่ว

            5.งาดำคั่ว

How to ทำเปียกปูนกะทิสด ให้อร่อย

เปียกปูนกะทิสด

เมื่อได้ทราบส่วนผสมทั้งหมดในการประกอบร่างเปียกปูนกะทิสดแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำซึ่งขนมเปียกปูน สูตร นี้ค่อนข้างลงตัวในเรื่องของรสชาติ หรือจะปรับเปลี่ยนตามใจเพื่อน ๆ ชอบก็ได้ หากพร้อมแล้วตามมาดูการทำ ของหวาน แสนอร่อยกันเลยดีกว่า

วิธีทำเปียกปูนกะทิสด

1.นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อมที่ผ่านการร่อน น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำปูนใส และน้ำใบเตยเทลงในภาชนะใบใหญ่

2.ใช้มือขยำส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

3.ใช้กระชอนกรองส่วนผสมทุกอย่างใส่หม้อ และคนพอประมาณด้วยตะกร้อมือ

4.ตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน และคนอย่างเบามือด้วยไม้พาย แป้งจะข้นขึ้นจนใกล้สุก

5.เมื่อคนจนแป้งใสและเหนียวแล้วจึงปิดไฟพักไว้

6.ทำในส่วนของกะทิราดหน้า นำแป้งข้าวจ้าวผสมน้ำเล็กน้อย

7.เทกะทิใส่กระทะ ตามด้วยแป้งข้าวจ้าวที่ละลายน้ำเอาไว้และเกลือ จากนั้นคนให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี

8.ตั้งไฟอ่อนและคนส่วนผสมของกะทิจนเหนียวพอดี

9.นำขนมเปียกปูนจัดใส่ภาชนะอย่างเช่นถ้วยขนาดเล็ก แล้วราดด้วยน้ำกะทิ โดยด้วยงาขาวและงาดำคั่ว

เห็นหรือไม่ว่าการทำขนมเปียกปูนกะทิสด นั้นง่ายมาก ๆ แค่เท คน ตามสูตรหรือส่วนผสม ใช้ความใจเย็นสักนิดก็ได้ขนมไทยอร่อยไว้รับประทานหรือขายแล้วล่ะ

Categories
ขนมไทย

ขนมต้มใบเตย สูตรอร่อยมาก ใครบอกทำยากอย่าไปเชื่อ

ขนมต้มใบเตย

ขนมต้มใบเตย นั้นมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และมาพร้อมกับความเชื่อว่าพระพิฆเนศท่านโปรดขนมชนิดนี้ คนไทยนิยมนำมาบวงสรวงเทพเจ้าในพิธีกรรมต่าง ๆ รสชาติของขนมต้มใบเตยค่อนข้างคล้ายกับขนมใส่ไส้แต่จะแตกต่างกันตรงเนื้อสัมผัสซึ่งขนมต้มนั้นให้ความเหนียว เคี้ยวสนุกมากกว่า ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

ขนมต้มใบเตย ใส่อะไรบ้างนะ?

ขนมต้มใบเตย

ขนมต้มใบเตยเป็น ของหวาน ที่มีส่วนผสมไม่มากสักเท่าไร จึงไม่ต้องลงทุนมากมาย ใคร อยากทำขนมขาย เน้นลงทุนน้อยแต่กำไรงามขนมไทยชนิดนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นอน หรือจะทำกินเล่นให้คนในครอบครัวทานก็ใช้เวลาไม่นาน ได้ลิ้มลองอย่างรวดเร็ว สำหรับวัตถุดิบในการทำ ขนมต้มใบเตยจะถูกแยกออก 3 ส่วนดังต่อไปนี้

            วัตถุดิบในการทำหน้าขนม

            1.มะพร้าวขูด

            2.เกลือ ½ ช้อนชา

            3.งาขาวคั่ว

            วัตถุดิบในการทำแป้งขนม

          1.แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม

            2.น้ำใบเตยสีเขียว 100 ML

            วัตถุดิบในการทำไส้ขนม

          1.มะพร้าวขูด 200 กรัม

            2.น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม

            3.น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ

            4.เกลือ ½ ช้อนชา

            ขั้นตอนการทำขนมต้มใบเตย

ขนมต้มใบเตย

เมื่อวัตถุดิบในการ ทำขนมต้มใบเตย ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน วิธีทำ ขนมใบเตยก็จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเช่นกัน เรามาขั้นตอนการทำ ขนมไทย อร่อย ๆ ชนิดนี้กันเลยดีกว่า

            วิธีทำ ไส้ขนมต้มใบเตย

          1.ตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน

            2.ใส่น้ำตาลมะพร้าวลงไป

            3.ตามด้วยน้ำเปล่าจากนั้นคนให้ละลาย

            4.ใส่เกลือ

            5.จากนั้นใส่มะพร้าวที่ขูดเอาไว้ลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนแห้งและจับตัวกันสามารถปั้นเป็นก้อนได้

            6.พักทิ้งไว้สักครู่และนำมาปั้นเป็นก้อนกลมเพื่อรอห่อแป้ง

            วิธีทำหน้าขนมต้มใบเตย

            1.นำมะพร้าวขูดคลุกเกลือ

            2.นึ่งจนสุกสักราว ๆ 5 นาที และนำมาพักไว้

            วิธีทำขนมต้มใบเตย

          1.นำแป้งข้าวเหนียวมาผสมกับน้ำใบเตยทีละนิด

            2.คลุกเคล้าและนวดให้เข้ากันจนจับตัวเป็นก้อนและสามารถปั้นได้

            3.ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมพอดีคำและใช้นิ้วมือกดให้แป้งเป็นแผ่นบาง

            4.นำไส้มาห่อเข้าด้วยกัน

            5.นำน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟทิ้งไว้สักพักจนเริ่มมีไอน้ำขึ้นมา ระวังอย่าให้น้ำเดือดแรงเพราะอาจจะทำให้ขนมต้มของเราแตกได้

            6.หย่อนขนมลงไปต้มและรอจนกว่าเขาจะลอยตัวขึ้นมา

            7.ตักขนมขึ้นรอให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปคลุกกับมะพร้าวนึ่ง

            8.โรยงาขาวคั่ว

            เพียงทำตามขั้นตอนที่เราแนะนำคุณก็จะได้สัมผัสกับขนมต้มใบเตย สุดอร่อย จัดใส่จานให้ลูกหลานและคนในครอบครัวได้รับประทานกันแบบหนุบหนับ ไส้หวานแต่ไม่เลี่ยน งานดีสุด ๆ ไปเลยล่ะ

Categories
ขนมไทย

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน สูตรนี้อร่อยละมุน หอมกะทิ หวานไม่มาก บอกเลยต้องลองทำ

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานไทยโบราณที่หาทานค่อนข้างยาก หลายคนอาจจะเคยเห็นหน้าค่าตาของเขามาบ้าง แต่ไม่ทราบว่าเป็นขนมอินทนิล ลักษณะคือแป้งเนื้อนุ่มหนึบสีเขียวใส หอมกลิ่นใบเตยแช่น้ำเชื่อมฉ่ำ ๆ ราดด้วยกะทิและมะพร้าวอ่อนซึ่งมีความนุ่มปนกรุบ รสชาติออกมากลมกล่อมกำลังดี แถมวิธีทำง่ายดาย ลงทุนไม่เยอะ

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน ใส่อะไรบ้างนะ?

          ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน จะใช้วัตถุดิบในการทำน้อยมาก โดยจะแบ่งออกเป็นสามส่วนได้แก่ตัวเนื้อ ขนมอินทนิล ส่วนผสมของน้ำเชื่อมและส่วนผสมของน้ำกะทิ เช่นนั้นแล้วหลายคนก็น่าจะพอมองเห็นช่องทางแห่งการ ทำขนมขาย เขาเป็นอีกหนึ่งเมนู ของหวาน ที่ลงทุนน้อย กำไรงามเลยล่ะ

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน

วัตถุดิบในการทำเนื้อขนมอินทนิล

          1.น้ำใบเตยคั้นสด 500 ML

            2.แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม

            3.น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

            วัตถุดิบในการทำน้ำเชื่อม

            1.น้ำมะพร้าว 250 ML

            2.น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ

            3.ใบเตยผูกข้อ

            วัตถุดิบในการทำน้ำกะทิและหน้าขนม

          1.กะทิ 250 ML

            2.เกลือป่น ½ ช้อนชา

            3.ใบเตยผูกข้อ

            4.มะพร้าวอ่อนขูด

ขั้นตอนการ ทำขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน สูตรนี้ง่าย อร่อย ประหยัด

ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน

เมื่อทราบกันไปแล้วว่าขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อนต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง เราก็มาดูการทำ ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน สูตร นี้กันเลยดีกว่า

            วิธีทำ ขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน

           1.เริ่มจากการทำน้ำเชื่อม เทน้ำมะพร้าว น้ำตาลทรายและใบเตยหอมผูกข้อใส่ลงในหม้อจากนั้นต้มจนน้ำตาลละลายและเดือดก่อนนำมาพักไว้

            2.ต่อด้วยการทำน้ำกะทิ ให้นำน้ำกะทิ เหลือป่น และใบเตยผูกข้อมาต้มรวมกันแค่พอเดือดจากนั้นพักทิ้งไว้

            3.ขั้นตอนการทำอินทนิลให้นำแป้งมัน น้ำตาลทราย และน้ำใบเตยคั้นเทลงกระทะ ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมให้เข้ากัน นำตั้งไฟอ่อน ๆ ใช้พายคนจนกว่าแป้งจะสุกใส จึงดับไฟ พักแป้งให้เย็นลง

            4.นำแป้งที่ทำเสร็จและเย็นมาใส่ถุงบีบลงในน้ำเชื่อมให้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดพอดีคำ

            5.ราดด้วยน้ำกะทิ โรยเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปตามด้วยน้ำแข็ง หรือจะนำไปแช่เย็นก็ได้ตามใจต้องการ

และนี่ก็คือทั้งหมดของการทำขนมอินทนิลมะพร้าวอ่อน ซึ่งสูตรนี้จะไม่หวานมาก เนื้อนุ่มและหนึบเล็กน้อย แต่ข้อควรระวังก็คือขนมที่มีกะทิเป็นส่วนผสมนั้นอาจจะเสียง่ายไปสักหน่อย แนะนำให้รีบทานให้หมดภายใน 2-3 วันและแช่ตู้เย็นเอาไว้ หรือหากจะทำขายก็ควรจำหน่ายให้หมดวันต่อวัน สินค้าจะสดใหม่ คุณภาพดี อร่อยถูกใจลูกค้าสายหวานน้อยอย่างแน่นอน

Categories
ขนมไทย

เงาะลอยแก้ว เมนูบ้าน ๆ อร่อยทานง่าย ทำไม่ยากอย่างที่คิด

เงาะลอยแก้ว ถือเป็นเมนูทานเล่นที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนบ้านเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากรสชาติของเขาหวานกลมกล่อม เนื้อเงาะให้ความฉ่ำสดชื่น ไม่หวานจนเลี่ยน โดยทั่วไปก็มักจะมีขายตามห้างร้านต่าง ๆ แต่ของที่ซื้อมานั้นเราไม่สามารถควบคุมปริมาณของรสชาติ รวมถึงคุณภาพได้ วันนี้เราจึงอยากชวนทุกท่านมาทำเงาะลอยแก้วทานเองหรือจะทำขายตลาดก็ได้สบาย ๆ

เงาะลอยแก้ว ใช้อะไรบ้าง

เงาะลอยแก้ว นั้นใช้วัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำเพียงไม่กี่อย่าง งบประมาณไม่บานปลาย ทำเงาะลอยแก้วขาย ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนทุนน้อย เพราะเขาเป็น ของกินเล่น ที่ถูกปากคนไทย และถ้าถามว่า เงาะลอยแก้ว เก็บได้กี่วัน กลัวทำขายแล้วเสียเปล่าขาดทุน หากแช่ตู้เย็นเอาไว้ ปิดฝาสนิทแนบชิดเขาก็สามารถอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์เลยทีเดียว

อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำ เงาะลอยแก้ว

            1.หม้อ

            2.กระบวย

            3.มีดคว้าน

            4.ภาชนะมีฝาปิดสำหรับใส่เงาะลอยแก้ว (ตามสะดวก)

            วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำ เงาะลอยแก้ว

            1.เงาะ 3 กิโลกรัม

            2.เกลือป่น ¼ ช้อนชา

            3.น้ำเปล่า 1.5 ลิตร

            4.น้ำตาลทราย 500 กรัม

How to ทำ เงาะลอยแก้วอย่างง่าย แถมอร่อยด้วย

อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า เงาะลอยแก้ว ใส่อะไรบ้าง ต่อมาก็เป็นขั้นตอนของการทำ เงาะลอยแก้ว ซึ่งบอกเลยว่าอาจใช้เวลาเล็กน้อยในขั้นตอนการคว้านเม็ดเงาะเล็กน้อย แต่ใคร ๆ ก็ทำได้อย่างแน่นอน

            วิธีทำเงาะลอยแก้ว

          1.เริ่มต้นด้วยการกะเปลือกเงาะออกจากกันให้หมดทุกลูก

            2.จากนั้นใช้มีดคว้านแทงไปตามแนวของเม็ดเงาะให้แนบชิดที่สุดแล้วหมุนมีดไปรอบ ๆ เม็ดเงาะจากนั้นกลับด้านแล้วทำเช่นเดิม และใช้ปลายมีดดันเม็ดเงาะออก

            3.นำน้ำเปล่าเทใส่หม้อตามด้วยน้ำตาล คนไปก่อนสักพักแล้วจึงเปิดไฟกลางทิ้งไว้ ถ้าใครชื่นชอบใบเตยจะใส่ลงไปด้วยก็หอมอีกแบบ

            4.คนน้ำตาลให้ละลายและทิ้งไว้จนเดือด

            5.ใส่เกลือป่น

            6.จากนั้นใส่เงาะที่คว้านเสร็จสรรพลงไปในหม้อ

            7.รอให้น้ำเดือดอีกหน จากนั้นก็ปิดเตาและรอให้เย็นก่อนนำมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้เพื่อรับประทาน

            เพียงเท่านี้เราก็จะได้ เงาะลอยแก้ว แบบใหม่แบบสับที่เหมาะกับคนยุคใหม่เพราะทำง่าย ไม่ยุ่งยาก หรือจะทำขายก็ดีไม่แพ้กัน แนะนำให้แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ก่อนรับประทาน รสชาติหวานเย็น หอมอร่อย เนื้อเงาะนุ่มนิ่มเหมือน Jelly แต่มี Texture ความหนึบหนับ ถูกใจทุกเพศทุกวัยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ทานคลายร้อนรับประกันเลยว่าฟิน

Categories
ขนมปัง ขนมไทย

ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม สูตรแป้งนุ่มยืด ไส้แน่น อร่อยทุกคำที่ทาน

ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม เป็นเมนูขนมที่น่าทานมาก และทำขายได้ดีเลยทีเดียว ทำมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ เนื่องจากว่ามีคนชอบทานเยอะมาก เนื้อแป้งนุ่ม ๆ ยืด ๆ ไส้ไข่เค็มลาวาเยิ้ม ๆ บอกเลยแค่คิดถึงภาพก็หิวแล้ว หน้าตาน่ารับประทานมาก สีเหลืองสวยสดใส โดยแท้จริงแล้ว ขนมเปี๊ยะ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน มีชื่อเรียกตามเดิมว่า “ผั่วเปี๊ยะ” มักนิยมทำมาเลี้ยงในงานมงคล ซึ่งคนไทยก็ได้รับสูตรนี้มาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่ในอดีต และมีการปรับแต่งสูตรใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความอร่อย และสร้างจุดขายมากยิ่งขึ้น

ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม แจกสูตรสอนทำ บอกส่วนผสมแบบละเอียดยิบ ทำตามได้เลย

ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารว่าง ทำขายได้กำไรงาม ขนมเปี๊ยะ ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากว่า ส่วนผสม ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม มีหลายรายการมาก เนื่องจากว่าขนมเปี๊ยะ เป็นขนมที่เป็นชั้น ๆ แป้งชั้นในชั้นนอกจะแตกต่างกัน และมีการยัดไส้ข้างในอีกด้วย จึงทำให้ต้องใช้ส่วนผสมเยอะ และการทำต้องใช้เวลานาน ใช้ความประณีตสูง ดังนั้นก่อนที่จะไปเรียนรู้วิธีการทำ มาดูกันก่อนว่า ต้องเตรียมอะไรบ้าง

ส่วนผสมสำหรับทำแป้งชั้นใน

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์                  1½                ถ้วยตวง

2. น้ำมันพืช                                    5                   ช้อนโต๊ะ

3. ไข่แดงไข่ไก่                               2                   ฟอง

4. น้ำเปล่า                                      2                   ช้อนโต๊ะ

5. สีผสมอาหารสีเหลืองไข่               1                   ช้อนชา

6. ไข่แดงทาหน้าขนม

ส่วนผสมแป้งชั้นนอก

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์                  3                   ถ้วยตวง

2. น้ำตาลทราย                               5                   ช้อนโต๊ะ

3. น้ำเปล่า                                     165               มิลลิลิตร

5. น้ำมันพืช                                    1/2                ถ้วยตวง

ส่วนผสมสำหรับทำไส้ไข่เค็มลาวา

1. ไข่แดงเค็ม(นึ่งสุก)                       15                 ลูก

2. แป้งข้าวโพด                               150               กรัม

3. เนยจืด(ละลาย)                            90                 กรัม

4. นมข้นจืด                                    225               มิลลิลิตร

5. น้ำตาลทราย                               180               กรัม

6. เกลือป่น                                     1/4                ช้อนชา

***อย่าลืมเตรียมงาขาว และงาดำ สำหรับโรยตกแต่งหน้าอีกด้วยนะ

HOW TO ทำขนมเปี๊ยะ ยัดไส้ไข่เค็มลาวาอย่างไรให้อร่อย

ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็มเป็นขนมที่ต้องใช้เวลาในการทำ ผู้ทำต้องใจเย็น และประณีต ซึ่งวันนี้จะมาแจก สูตร ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม ให้กับทุกคน การันตีเลยว่าสูตรนี้อร่อยชัวร์ 100% มาดูกันเลยว่า วิธีทำ ขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม  มีวิธีการทำอย่างไรบ้าง

1. ทำไส้ไข่เค็มก่อน นำส่วนผสมตามที่บอกข้างต้น ในการทำไส้ มาปั่นให้ละเอียด แล้วเทใส่พิมพ์ซิลิโคน จากนั้นนำไปแช่แข็งจนกว่าไส้จะแข็งตัว

2. ต่อมาทำแป้งชั้นนอก โดยละลายน้ำตาลในน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำมันลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำไปเทใส่แป้ง แล้วนวดจนแป้งเนียน แล้วพักแป้งประมาณ 15 นาที จากนั้นนำไปตัดเป็นก้อน ก้อนละ 12 กรัม

3. ทำแป้งชั้นนอก นำแป้งมาผสมกับน้ำมัน นวด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ต่อจากนั้นนำมาตัดแป้งเป็นก้อน แต่ละก้อนให้ได้น้ำหนักประมาณ 28 กรัม

4. นำแป้งชั้นนอกมาทำให้เป็นแผ่น แล้วซ้อนด้วยแป้งชั้นในทิ้งไว้สักพัก นำไส้มาใส่ แล้วปั้นให้เป็นทรงกลม เมื่อปั้นเสร็จแล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที

5. ทำสีทาหน้าขนม โดยผสมน้ำเปล่า สีผสมอาหาร และไข่แดง คนให้เข้ากัน เมื่อครบเวลาอบแล้ว นำขนมออกมาทาหน้า ทาซ้ำประมาณ 2 ครั้ง โรยหน้าขนมด้วยงา แล้วนำไปอบต่อ 5 นาที

6. นำออกมาจากเตาอบ แกะออกจากแม่พิมพ์ พร้อมเสิร์ฟขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็มถึงแม้จะมีส่วนผสม และขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก แต่บอกเลยว่าคุ้มมาก เพราะอร่อยสุด ๆ ยิ่งทำขายนะ ขายดีเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอน เป็นอีกหนึ่ง สูตรเบเกอรี่โฮมเมด ที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ทำตาม รับรองว่าอร่อยกว่าร้านที่เคยซื้ออย่างแน่นอน

Categories
ขนมไทย

ฮันนี่โทสต์ เมนูขวัญใจคนรักขนมหวาน

เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะชอบทานขนมหวานกันเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะสาว ๆ วัยรุ่นย่อมไม่พลาดแน่ ๆ แต่จะให้ไปกินที่ร้านบ่อย ๆ ก็อาจจะเหนื่อยกับการเดินทาง หรือหากให้ทำเองก็คงไม่อร่อยเท่าที่ร้านแน่ ๆ แต่วันนี้จะมาแนะนำขนมหวานที่ทำเองได้ง่าย ๆ และไม่มีใครไม่ชอบกินนั่นก็คือ ฮันนี่โทสต์ ขนมปังปอนด์หวานมันพร้อมท็อปปิ้งผลไม้และไอติม ขอบอกเลยว่าทำกินเองที่บ้านฟินสุด ๆ

สูตรง่าย ๆ แบบไม่ลับของ ฮันนี่โทสต์

สำหรับสูตรเมนูฮันนี่โทส

จะใช้วัตถุดิบหลัก ๆ คือ

1.ขนมปังปอนด์แบบหนา ๆ เพื่อความจุใจในการกิน

2.เนยสดชนิดเค็ม

3.น้ำผึ้ง เพิ่มความหวานหอม

4.ไอศกรีม รสใดก็ได้ที่ชื่นชอบ

5.ผลไม้ ชนิดใดก็ได้ที่ชื่นชอบ

หรืออาจจะเพิ่มรสชาติอื่น ๆ ให้กับฮันนี่โทสต์เช่น ซอสช็อกโกแลต อัลมอนด์ น้ำตาลไอซิ่ง หรือจะเป็นขนมกรุบกรอบเวเฟอร์เพื่อเพิ่มรสสัมผัสก็ได้เช่นกัน สามารถออกแบบรสชาติได้ตามต้องการ หากใครชอบผลไม้จะทำเป็นฮันนี่โทสผลไม้รวมก็ได้ หรือหากใครชอบกินไอติมมาก ๆ จะออกแบบเป็นไอติมฮันนี่โทสต์ ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่หลัก ๆ แล้วเราที่ไม่เปลี่ยนคือการหั่นขนมปังออกมาเป็นช่อง ๆ แล้วทาเนยลงไปจนทั่วขนมปัง แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าควรหั่นขนมปังในขนาดที่ใหญ่เป็นพิเศษ

ซึ่งต่อไปจะเป็นในส่วนของฮันนี่โทสต์ วิธีทํา ก็จะง่ายมาก ๆ จึงอยากขอแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ

1.ฮันนี่โทสต์แบบใช้เตาอบ

จะเปิดเตาวอร์มไว้ 10 นาที ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 15 นาที (จากที่แนะนำไปว่าให้เอาเนยทาขนมปังให้ทั่วก็เพราะเมื่อนำไปอบในอุณหภูมิที่สูง จะทำให้ขนมปังกรอบนอกนุ่มในอยู่)

2.ฮันนี่โทส ไมโครเวฟ

สำหรับบ้านใครที่ไม่มีเตาอบ หรือเป็นมือใหม่อยากลองทำก็สามารถใช้ไมโครเวฟได้เช่นกัน โดยเราจะใช้อบอยู่ที่ 2 นาทีในความร้อนประมาณ 800 วัตต์ (หากเป็นไมโครเวฟรุ่นเก่าให้หมั่นเปิดออกมาเพื่อเช็คความแห้งของขนมปัง)

3.วิธีทําฮันนี่โทส กระทะ

ส่วนบ้านใครที่ไม่มีไมโครเวฟ หรืออยากลองใช้กระทะมากกว่าเพื่อความท้าทาย ก็ย่อมได้เช่นกัน ให้ใช้ไฟอ่อนรอจนเริ่มร้อนค่อยใส่เนยสดลงไปละลายให้ทั่วกระทะ จากนั้นนำขนมปังลงไปปิ้งให้เป็นสีน้ำตาลดูกรอบน่ากินทั้งสองด้าน

ทำฮันนี่โทสต์กินเองที่บ้านแบบฟิน ๆ

แค่นี้ทุกคนก็จะได้กินฮันนี่โทสต์ ทําเอง อร่อย ๆ แบบไม่ต้องง้อใครแล้ว ขอบอกเลยว่าทำง่ายมาก ๆ ไม่มีขั้นตอนอะไรที่ซับซ้อนเลย เหมาะกับคนที่อยากเริ่มทำอาหารหรือขนมด้วยตัวเองสุด ๆ หวังว่าบทความนี้จะเปลี่ยนให้ทุกคนที่ยังกินฮันนี่โทส สําเร็จรูปมาทดลองทำฮันนี่โทสต์กินเองที่บ้าน และออกแบบไอเดียเพื่อมาตกแต่งฮันนี่โทสสวยๆไปอวดเพื่อนกันให้อิจฉากันด้วย

Categories
ขนมไทย

ขนมดอกจอก ขนมไทยโบราณแสนอร่อย

ขนมไทยเป็นที่ยอมรับของคนไทยเองและของโลกว่าหน้าตาสวยงาม มีสีสันดูน่ารับประทาน และยังมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ อีกด้วย แต่ในยุคปัจจุบันนี้ที่ใคร ๆ ก็พาไปกินเมนูขนมหวานจากต่างประเทศ ทำให้หลายๆ คนหลงลืมขนมไทยกันไป โดยฉพาะอย่างยิ่งคือขนมไทยโบราณ วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำสูตร ขนมดอกจอก ขนมไทยโบราณที่ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน เหมาะอย่างยิ่งกับกิจกรรมครอบครัวเพื่อให้เด็กๆ ได้รู้จักขนมไทยเมนูนี้นั่นเอง

ขนมดอกจอก บางกรอบ หวานอร่อย

ในการทำขนมดอกจอก ขอบอกเลยว่านี่เป็นสูตรดอกจอกโบราณที่อร่อยสุด ๆ โดยส่วนผสมก็จะมีดังนี้

1.แป้งข้าวเจ้า

2.แป้งมัน

3.น้ำตาลทราย

4.เกลือ

5.น้ำปูนใส

6.หัวกะทิ

7.ไข่ไก่

8.สีผสมอาหาร (สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามที่ชื่นชอบได้เลย)

9.งาดำ หรือ งาขาว

ต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการทำขนมดอกจอก

1.ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือป่นคนให้เข้ากัน

2.เมื่อเข้ากันแล้ว ให้ใส่น้ำปูนใส ไข่ไก่ และหัวกะทิ จากนั้นให้ตีให้เข้ากันใหม่อีกครั้ง

3.จากนั้นให้นำไปกรองเพื่อให้ได้แป้งที่เนื้อเนียน

4.แบ่งสัดส่วนแป้งไปผสมกับสีผสมอาหาร (หากต้องการสีธรรมชาติของแป้งสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ หรือหากต้องการให้มีรสชาติของสีธรรมชาติ ก็สามารถใช้น้ำอัญชันให้กลายเป็นดอกจอกอัญชันได้ รวมไปถึงใบเตย หรือกระเจี๊ยบก็ด้วย)

5.จากนั้นให้ใส่งาดำหรืองาขาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหอมของขนมจอกโบราณ

6.ตั้งไฟ ใส่น้ำมันในกระทะในจำนวนมาก และรอให้น้ำมันเดือด (ขั้นตอนนี้จะต้องรอนิดหน่อย เป็นวิธีทำดอกจอกไม่อมน้ำมัน)

7.นำแม่พิมพ์ดอกจอกลงไปวอร์มในกระทะที่กำลังเริ่มร้อน

8.นำแม่พิมพ์กลับมาจุ่มที่แป้ง และนำไปลงในกระทะ (ขณะที่จุ่มแป้งรอให้แป้งบางส่วนไหลออกไปก่อน เพื่อให้ได้ดอกจอกบางกรอบ)

9.เปลี่ยนไฟให้อยู่ในระดับกลาง นำแม่พิมพ์ลงไปทอดทิ้งไว้เพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ก่อนจะค่อย ๆ เขย่าให้ตัวแป้งที่เซ็ตตัวหลุดออกจากแม่พิมพ์

10.กลับด้านให้ดอกจอกโบราณสุกทั้งสองด้าน แล้วค่อยนำขึ้นมาจัดทรงกับก้นถ้วยให้บานเป็นรูปดอกไม้

เท่านี้ก็จะได้รสชาติขนมดอกจอกที่หอม อร่อยถูกปาก และมีหน้าตาสวยงามมาก ๆ อย่างแน่นอน

ขนมดอกจอกมีประโยชน์กว่าที่คิด

ก็จบลงไปแล้วสำหรับการมาแนะนำสูตรขนมดอกจอก ขนมไทยโบราณที่หาไม่ได้แล้วในตอนนี้ นอกจากความอร่อยและสีสันหน้าตาสวยงามของขนมชนิดนี้แล้ว ขนมดอกจอกประโยชน์ของขนมยังมากกว่าขนมหวานเมนูอื่น ๆ อีกด้วย เพราะมีความพอดีของพลังงานที่ได้รับในแต่ละชิ้น เรียกได้ว่าใครอยากกินแต่ห่วงสุขภาพ เมนูนี้นับว่าตอบโจทย์เลย

Categories
ขนมไทย

อาลัว ขนมไทยไซส์น่ารัก

ในช่วงหลัง ๆ มานี้ขนมไทยเริ่มกลับมาเป็นกระแสมากขึ้น ไม่ใช่เพียงคนสูงอายุหรือวัยกลางคนเท่านั้นที่หันกลับมาสนใจขนมไทย แต่เป็นวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ แต่ขนมไทยก็ต้องยอมรับว่าทำยากมาก ให้ซื้อกินยังง่ายกว่า แต่ก็จะพบกับปัญหาอีกสิ่งหนึ่งคือร้านขนมไทยค่อนข้างน้อยแล้ว วันนี้เลยจะพาทุกคนไปทดลองทำขนมหวานไทยง่าย ๆ อย่าง อาลัว ขนมไทยไซส์เล็กสีสันสดใส ไม่ว่าใครก็ชอบกิน ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ตามมากันได้เลย

ทำอาลัวอยู่บ้านแบบชิล ๆ

ส่วนผสมของอาลัวจะมี

1.แป้งสาลี

2.แป้งถั่วเขียว

(คำถามที่สำคัญมาก ๆ คืออาลัว ใช้แป้งอะไร จากหลาย ๆ สูตรขอบอกเลยว่าการใช้สองแป้งนี้รวมกันจะอร่อยมาก ๆ)

3.น้ำตาลทราย

4.เกลือ

5.กะทิ

6.กลิ่นมะลิ (เพื่อความหอม สามารถเปลี่ยนเป็นกลิ่นอื่นก็ได้ หรือจะไม่ใส่เลยก็ได้เช่นเดียวกัน)

7.สีผสมอาหาร (สามารถเลือกสีที่ต้องการได้เลย)

อาลัว วิธีทำจะมีขั้นตอนอยู่ 2 ขั้นตอนหลัก ๆ คือในส่วนของการทำแป้งและการอบ

1.การทำแป้งอาลัวนั้นจะเริ่มจาก นำแป้งสาลี แป้งถั่วเขียว น้ำตาลทราย เกลือ เทใส่กระทะและคนทุกอย่างให้ละลายรวมกันเป็นเนื้อเดียว

2.ใส่สีผสมอาหารและคนให้ละลายทั่ว (แนะนำว่าค่อย ๆ ใส่เพื่อระวังไม่ให้สีเข้มเกินความต้องการ)

3.จากนั้นเปิดเตาไปที่ไฟอ่อนสุด ค่อย ๆ กวนแป้งจนสุกและพักให้แป้งอุ่นลง (กวนจนแป้งดูมีสีใส)

ขั้นตอนต่อไปเป็นการอบขนมอาลัว มีหลายคนกังวลใจมากว่าอาลัว ใช้เตาอบแบบไหนความจริงแล้วสามารถใช้วิธีทำอาลัว เตาอบหรือจะทำอาลัว ไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน เพียงแค่จะต้องคอยหมั่นเปิดดูขนมอย่างต่อเนื่อง ส่วนวิธีอบนั้นจะเป็น

1.หลังจากนำแป้งมาพักให้ยังอุ่นอยู่ จากนั้นนำใส่ถุงบีบและนำหัวบีบรูปดาวมาใช้ (หากใครอยากได้อาลัวดอกไม้หรือรูปแบบอื่นก็สามารถนำมาใช้ได้)

2.บีบแป้งบนกระดาษไขที่รองถาดอบไว้ให้ห่างมีช่องไฟพอดี ไม่ติดกันเกินไป

3.นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 60-100 องศาเซียลเซียสเป็นเวลา 30-1 ชั่วโมง ทำแบบนี้ทั้งหมด 4 รอบ หรือหากใครที่ไม่มีเตาอบอะไรเลย ก็สามารถใช้สูตรโบราณซึ่งเป็นวิธีทำอาลัว ไม่อบโดยการนำไปตากแดด 2-4 วัน นั่นเอง

อาลัว ขนมไทยทำง่ายเก็บได้นาน

ก็จบลงไปแล้วสำหรับอาลัว ขนมหวานไทยโบราณที่อร่อย กินได้เพลิน ๆ ไม่มีเบื่อ สำหรับสูตรอาลัวที่นำมาฝากทุกคนในวันนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง หากใครที่กำลังสงสัยว่าอาลัวสด เก็บได้กี่วัน สามารถเก็บไว้ไประมาณ 7 วันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทำแป้งครั้งเดียวแล้วค่อย ๆ แบ่งทำเป้นขนมได้ตลอด

Categories
ขนมไทย

ขนมพระพาย ขนมไทยโบราณสีน่ารัก

เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องมีขนมไทยในใจที่ชอบกันอยู่หลายเมนู ทั้งที่สามารถหาซื้อได้ง่ายในตอนนี้และหาซื้อไม่ได้อีกแล้ว แต่แน่นอนว่าด้วยความเป็นขนมหวานไทย ย่อมมีบางเมนูที่ไม่เป็นที่รู้จักในหมู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขนมไทยโบราณที่ทุกวันนี้แทบไม่มีใครรู้จักเลย วันนี้จึงอยากจะมาแนะนำสูตรขนมไทยอย่าง ขนมพระพาย ขนมไทยโบราณที่มีสีสันสดใส เหมาะกับวัยรุ่น อร่อยทานง่ายและยังทำง่ายมาก ๆ อีกด้วย

ขนมพระพาย ทานง่าย ทำก็ง่าย

ในการทำขนมพระพายตามแบบฉบับของสูตรขนมไทยชาววังจะแบ่งออกเป็น 3 องค์ประกอบหลักนั่นก็คือแป้งห่อ ไส้ และกะทิราด ซึ่งจะมีวัตถุดิบหลัก ๆ ดังนี้

วัตถุดิบทำแป้งขนมพระพาย

1.แป้งข้าวเหนียว

2.แป้งข้าวเจ้า

3.กะทิ

4.น้ำอัญชัน

5.น้ำใบเตย

6.น้ำกระเจี๊ยบ

วัตถุดิบทำไส้

1.ถั่วเขียว

2.น้ำเปล่า

3.กะทิ

4.น้ำตาลทราย

วัตถุดิบทำกะทิราด

1.กะทิ

2.แป้งข้าวเจ้า

3.เกลือ

วิธีทำขนมพระพายจะเริ่มจากการทำแป้งและกะทิพร้อม ๆ กันไป

1.นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้ามารวมกัน

2.นำกะทิแบ่งออกเป็น 3 ส่วนและเอาไปผสมกับน้ำอัญชัน น้ำใบเตย และน้ำกระเจี๊ยบ

3.จากนั้นแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วนเช่นกัน และนำไปผสมกับกะทิที่มีสีทั้ง 3 ส่วน

4.นวดแป้งประมาณ 15 นาทีและพักไว้ ก็จะได้แป้งขนมพระพายหลากสี

5.นำกะทิส่วนที่เหลือเพื่อไว้ใช้ราด ไปผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ

6.ตั้งไฟอ่อน ๆ คนกะทิจนเริ่มเหนียวขึ้นเล็กน้อย ค่อยนำไปพัก

วิธีทำไส้ตามแบบฉบับของขนมโบราณชาววัง

1.นำถั่วเขียวไปแช่น้ำร้อน 3 ชั่วโมงและแช่น้ำเปล่า 1 คืน

2.เอาถั่วไปล้างให้สะอาดและนำไปนึ่ง

3.เมื่อถั่วเขียวสุก นำไปปั่นหรือตำให้ละเอียดเป็นเนื้อเนียน

4.ตั้งไฟกระทะปานกลาง นำถั่วที่บดไว้ไปผัดกับน้ำตาล ก่อนจะนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ พอดีคำ

จากนั้นให้นำแป้งที่พักไว้ มาปั้นเป็นก้อนกลมและแบะแป้งให้แบน นำมาห่อหุ้มตัวถั่วเขียว จากนั้นวางบนแผ่นใบตอง และนำไปนึ่งประมาณ 10 นาที เท่านี้ก็จะได้ขนมพระพาย ขนมไทยหาทานยากที่เราสามารถทำทานเองที่บ้านแบบง่าย ๆ ไม่ต้องไปตามหาร้านให้ยุ่งยากแล้ว

ขนมพระพายขนมไทยที่อร่อยจนยากจะลืม

ก็จบลงไปแล้วสำหรับสำหรับการมาแจกสูตรขนมพระพายหวังว่าจะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับขนมพระพายกันมากยิ่งขึ้น และก็สามารถนำสูตรนี้ไปทำขายได้ด้วยเช่นกัน โดยหากแนะนำแล้ว สามารถขายขนมพระพาย ราคาเซ็ตละประมาณ 40-50 บาทได้เลย ไม่ว่าใครก็จะมีกำลังซื้อและได้รู้จักกับขนมไทยโบราณนี้เพิ่มขึ้น